|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาด Post Production รับอานิสงส์ตลาดหนังไทยโต ผู้ผลิตหันเพิ่มคุณภาพ ใช้เทคโนโลยี Digital Intermediate หวังเพิ่มมูลค่าเป็นที่สนใจสายหนังต่างประเทศ ด้านกันตนาประกาศตัวเป็นผู้นำเทคโนโลยีดังกล่าวแบบวันสต็อปเซอร์วิส หนึ่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยลูกค้าผู้ผลิตหนังในฮ่องกงแห่ใช้บริการ 8 เรื่องในปีก่อน ล่าสุดจองคิวอีก 5 เรื่อง คุยเป็นหนึ่งทางเลือกของลูกค้าเทียบชั้น ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
นายบ๊อบบี้ วอง ผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอเรียลทัล โพสท์ จำกัด ในเครือกันตนา กรุ๊ป ผู้ให้บริการในธุรกิจ Post Production ด้านการตัดต่อและทำเทคนิคพิเศษสำหรับภาพยนตร์เรื่อง และภาพยนตร์โฆษณา ด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล เปิดเผยว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เทรนด์ของธุรกิจนี้ในประเทศไทยจะเติบโตสูง เพราะช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจภาพยนตร์มีการเติบโตสูง จากจำนวนหนังไทยประมาณ 20 เรื่อง ในปี 2546 เพิ่มเป็น 40 เรื่องในปีนี้ และคาดว่าในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 50 เรื่อง โดยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าคาดว่าตลาดภาพยนตร์ไทยจะมีมูลค่าโตขึ้นอีกราว 40-50% จากยอดขายในประเทศ และสายหนังในตลาดต่างประเทศ
จากเหตุผลดังกล่าว จะส่งผลให้ธุรกิจ Post Production ด้วยระบบ Digital Intermediate(D.I) มีการเติบโตสูงเนื่องจาก ปริมาณหนังที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ผลิตใส่ใจเรื่องคุณภาพ จึงหันมาใช้เทคโนโลยี Digital Intermediate(D.I) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใน การ Post Production ซึ่งจะมีทั้งฟิล์มแล็บ และซาวนด์แล็บ แต่จะได้เพิ่มในเรื่องของความคิด สร้างสรรค์ในแนวใหม่ให้แก่เจ้าของผลงานอย่างไร้ขีดจำกัด ปรับแต่งและแก้ไขได้ในทุกรายละเอียด โดยภาพของผลงานออกมาสมจริง มีคุณภาพเทียบเท่าต้นฉบับ แม้จะเก็บไว้นาน 10-20 ปี
โดยเทคโนโลยี D.I ของบริษัทนับว่าเป็นระบบที่ครบวงจรที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถให้บริการลูกค้าได้แบบวันสต็อปเซอร์วิส ซึ่งเราได้ลงทุนมาตลอดเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมเม็ดเงินราว 200 ล้านบาท ในการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ปัจจุบันมีลูกค้าเจ้าของหนังทั้งไทย และต่างชาติ เข้ามาใช้บริการ ในปี 2546 บริษัทสามารถรับงาน Post Production ได้ประมาณ 10 เรื่อง เป็นหนังจากประเทศฮ่องกง 7-8 เรื่อง และหนังไทย 2 เรื่อง คือ อุกกาบาต และทวารยังหวานอยู่ จากก่อนหน้านี้หากผู้สร้างหนังรายใดต้องการตัดต่อหนังด้วย ระบบ D.I ต้องไปใช้บริการที่ประเทศญี่ปุ่นหรือออสเตรเลีย ซึ่งคิดค่าบริการแพงกว่าไทยถึง 2 เท่า ดังนั้นในปัจจุบันประเทศไทยจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง หากประเทศในภูมิภาคนี้ต้องการส่งหนังมาตัดต่อ ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าในมือถึงปี 2548 อีก 4-5 เรื่อง เป็นลูกค้าจากฮ่องกง และยังมีลูกค้าจากอินโดนีเซีย และไทยอีกจำนวนหนึ่งซึ่งจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ขณะนี้สามารถให้บริการลูกค้าได้ 15 เรื่องต่อปี
นอกจากนั้น บริษัทยังให้บริการตัดต่อด้วยระบบ D.I ในหนังโฆษณาอีกประมาณ 100 เรื่องต่อเดือน จาก 2 ปีก่อน มีประมาณ 70 เรื่องต่อเดือน เป็นลูกค้าทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน เป็นต้น โดยตลาดในประเทศ ธุรกิจหนังโฆษณามีมูลค่าราว 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งในที่นี้จะแบ่งเป็นรายได้ที่มาใช้ในส่วนของ Post Production ราว 5-10% บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดนี้อยู่ที่ 50%
|
|
|
|
|