N-PARK ยันไม่ควบรวมและไม่ถอนหุ้น PA ออกจากตลาดหลักทรัพย์ หลังรายย่อยของ PA คัดค้านว่าการแลกหุ้นระหว่างสองบริษัทไม่เป็นธรรม แต่เดินหน้าขาย PAH ฟันกำไร 1,280 ล้านบาท หลังการนำ PAH ตั้งเป็นกองทุนอสังหาฯ ผิดแผนเพราะผู้ถือหุ้นส่วนที่เหลือไม่เป็นใจ

วานนี้ (8 พ.ย.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขึ้นเครื่องหมาย "H" (Trading Halt) หลักทรัพย์ของบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (N-PARK) และหลักทรัพย์ของ บริษัท แปซิฟิค แอสเสท จำกัด (มหาชน)(PA)เนื่องจากผลการประชุมผ้ถือหุ้นของบริษัท แนเชอรัล พาร์ค ที่ออกมาวานนี้พบว่า ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติให้มีการควบรวมกิจการกับแปซิฟิค แอสเสท ขณะที่ N-PARK ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลต่อ ตลท. ดังนั้น ตลท.จึงขึ้นเครื่องหมาย "H" (Trading Halt) หลักทรัพย์ของ N-PARK และ PA สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รอบบ่ายของวันที่ 8 พฤศจิกายน 2547

แหล่งข่าวจาก N-PARK เปิดเผยว่าผลการประชุมผู้ถือหุ้นวานนี้มีมติออกมาว่าหุ้น PA จะยังคงเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต่อไป และจะไม่มีการควบรวมกิจการกันระหว่าง N-PARK และ PA อันเป็นผลมาจากเงื่อนไขที่เปลี่ยนไป แม้ว่าผลจากการประชุมผู้ถือหุ้นของ N-PARK จะผ่านไปด้วยดี ขณะที่ผลการประชุมผู้ถือหุ้นของ PA กลับโหวตผ่านแบบเฉียดฉิว เพราะผู้ถือหุ้นของ PA มองว่าการแลกหุ้นคือ 4 หุ้น N-PARK ต่อ 1 หุ้น PA หรือการชำระเป็นเงินสดในราคาหุ้นละ 5.86 บาท ถือว่าไม่ยุติธรรม ซึ่งผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ PA ได้เข้าร้องเรียนต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น ผู้บริหารของ N-PARK จึงแก้ปัญหาด้วยการจะไม่ควบรวมกิจการ รวมทั้งไม่ถอนหุ้น PA ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนด้วย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง เพราะการที่จะถอนหุ้นของ PA ควรจะได้รับการยอมรับแต่โดยดีน่าจะเหมาะสมกว่า

อย่างไรก็ตาม การขายหุ้น บริษัท แปซิฟิค อาวันท์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (PAH) ที่บริษัท แปซิฟิค เมอร์ริเดียน รีสอร์ท จำกัด (PMR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PA ถืออยู่ทั้งหมดจำนวน 625,000 หุ้น หรือเท่ากับร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนของ PAH โดยขายให้กับผู้ซื้อที่เสนอโดยกลุ่ม Avant Resorts Limited (Avant) ตาม Shareholders Agreementre : Pacific Avant Holding รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,620 ล้านบาท

ทั้งนี้ การขายหุ้นบริษัทดังกล่าว เป็นไปตามผลการโหวตของผู้ถือหุ้น N-PARK วานนี้ และยังมีการเสนอวาระพิเศษเพิ่มอีก 1 ข้อ คือให้ N-PARK ไปโหวตในที่ประชุมผู้ถือหุ้น PA เพื่อให้ขาย PAH ซึ่งก็โหวตผ่านเช่นกัน เท่ากับว่าการที่ N-PARK ขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้ได้ส่วนต่างจากการขายหุ้นถึง 1,280 ล้านบาท เพราะซื้อมาด้วยราคา 340 ล้านบาทเท่านั้น ส่งผลให้ N-PARK จะได้จาก การขายหุ้น PAH ก่อนหักภาษีถึงกว่า 812 ล้านบาท

ทั้งนี้ การที่ N-PARK ขายหุ้น PAH เพราะแต่เดิมที่ซื้อขายมองว่าต้องการจะพัฒนาให้ PAH เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ แต่เมื่อจะขาย จึงถูกคัดค้านจากผู้ถือหุ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็เพิ่งได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อที่จะขายหุ้นนี้ออกไป เนื่องจากผู้ถือหุ้นอีกครึ่งหนึ่งไม่ต้องการให้มีการจัดตั้งกองทุนอสังหาฯดังนั้น N-PARK จึงตัดปัญหาด้วยการขายออกไป ซึ่งก็ได้กำไรจากส่วนต่างด้วย

ปัจจุบัน N-PARK ถือหุ้นใน PA 63.4%