Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 พฤศจิกายน 2547
สหยูเนี่ยนทุ่มบุกจีน2หมื่นล้าน             
 


   
www resources

โฮมเพจ สหยูเนี่ยน

   
search resources

สหยูเนี่ยน, บมจ.
Energy




กลุ่มสหยูเนี่ยนอาศัยจังหวะเศรษฐกิจจีนบูม รุกคืบลงทุนทั้งขยายธุรกิจเดิมและบุกเบิกใหม่ เผยเงินลงทุนในเมืองจีนรวม 2.35 หมื่นล้านบาท แซงหน้าเงินลงทุนในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ชี้มีโอกาสโตแบบก้าวกระโดด เน้นธุรกิจพลังงาน โดยการขยายกำลังการผลิตและเปิดโรงไฟฟ้าใหม่ เตรียมเทกโอเวอร์เหมืองถ่านหินลดต้นทุนวัตถุดิบที่ยังราคาแพง เล็งตั้งโรงงานผลิตด้ายคุณภาพสูง พร้อมจับมือดัลลิชคอลเลจเปิดโรงเรียนนานาชาติในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และซูโจว หวังกวาดรายได้ระยะยาว

นางสาวศรีวารินทร์ จิระพรรคคณา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทสหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) (SUC) เปิดเผยทิศทางการทำธุรกิจของสหยูเนี่ยนว่าจะขยายการลงทุนทั้งธุรกิจเดิม และบุกเบิกธุรกิจใหม่ในประเทศจีนมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังขยายตัว โดยปี 2547 สินทรัพย์หรือเงินลงทุนรวมในจีนอยู่ที่ 4,700 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทย 23,500 ล้านบาท แซงหน้าสินทรัพย์ในประเทศไทยที่มีประมาณ 20,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธุรกิจที่สหยูเนี่ยนจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนคือการขยายกำลังการผลิตและสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ขณะที่ธุรกิจที่บุกเบิกใหม่ ประกอบด้วยตั้งโรงงานผลิตด้าย เปิดโรงเรียนนานาชาติและทำธุรกิจส่งออกนำเข้า

"เราเข้ามาในจีนนานพอสมควร แต่วันนี้ในไทยโอกาสที่ธุรกิจจะโตแบบก้าวกระโดดมีน้อย ขณะที่จีนมีโอกาส เราจึงส่งคนมาดูลู่ทางจริงจังอีกครั้งก่อนมีมติมุ่งธุรกิจพลังงานที่เราถนัดและมีฐานที่แข็งแกร่งในเมืองจีน"

สำหรับธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ นายกมล คูสุวรรณ ที่ปรึกษาอาวุโส ในฐานะผู้รับผิดชอบเปิดเผยว่า สหยูเนี่ยนมีความถนัดในการบุกเบิกธุรกิจใหม่ เพราะบุคลากรที่มีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ ดังนั้นเมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน สหยูเนี่ยนจึงใช้จังหวะที่เห็นว่าแนวโน้มธุรกิจการศึกษาในเมืองจีนจะขยายตัวสูง เข้าขออนุญาตเปิดโรงเรียนนานาชาติ

"สหยูเนี่ยนตื่นตัวในการมองไปข้างหน้า ดังนั้นเมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน สหยูเนี่ยนสามารถเข้าไปลงทุนโดยไม่จำเป็นต้องปิดกั้นว่าต้องทำธุรกิจเดิม เห็นได้จากสหยูเนี่ยนโตมาจากการขายซิปวีนัส แต่วันนี้ประสบความสำเร็จในการทำโรงไฟฟ้า เชื่อว่าอนาคตก็ต้องมีรายได้จากโรงเรียนอินเตอร์"

นางสาวศรีวารินทร์กล่าวว่านโยบายการทำธุรกิจของสหยูเนี่ยน จะไม่จำกัดขอบเขตธุรกิจ ขอให้มีโอกาสและผลตอบแทน หากจะเสี่ยง ก็ประเมินแล้วว่ายอมรับได้ นอกจากไม่มีพรมแดนแล้ว จะยืดหยุ่นตามสถานการณ์ เช่น ขณะนี้สหยูเนี่ยนวางแผนตั้งโรงงานหรือย้ายฐานการผลิตมาจีนแล้วส่งสินค้าไปขายในไทย แต่ในอนาคตถ้าไทยเหมาะสมกว่าก็อาจย้ายกลับหรืออาจย้ายไปประเทศอื่นก็ได้

โดยระหว่างวันที่ 26 ต.ค.-4 พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทฯนำคณะผู้บริหารบริษัทในเครือระดับกรรมการผู้จัดการขึ้นไปกว่า 20 คน เดินทางไปดูงานที่เมืองจีน นางสาวศรีวารินทร์กล่าวว่าเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ให้ผู้บริหารด้วยการไปเมืองจีน จะได้ประโยชน์มากกว่าการดูข้อมูลเอกสารและการรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่เมืองจีน

"เราอยากให้ผู้บริหารได้สัมผัสโดยตรง ได้รู้ถึงความยากง่ายในการทำธุรกิจเมืองจีน เช่น มาเห็นด้วยตัวเองว่าถ้าจะตั้งโรงงานผลิตขายน่าจะดีกว่าผลิตในเมืองไทยแล้วส่งมาขาย"

สำหรับเมืองไทย นางสาวศรีวารินทร์กล่าวว่า ยังคงขยายธุรกิจที่ยังเติบโต ได้แก่ พลาสติกที่รองรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการผลิตและขายกระติกน้ำที่เพิ่งร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่น ขณะที่ธุรกิจในเครือที่จะไม่เน้นการขยายตัว ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เป็นต้น

เทกโอเวอร์เหมืองถ่านหิน

นายฐิติวัฒน์ สืบแสง กรรมการผู้จัดการ บริษัทสหยูเนี่ยน อินเวสเม้นท์ (ประเทศจีน) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจของสหยูเนี่ยนในเมืองจีนในปัจจุบันแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มพลังงาน ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานร่วม 2) กลุ่มการผลิต ผลิตกรดมะนาวและผลิตด้าย 3) กลุ่มการศึกษา ทำโรงเรียนนานาชาติ และ 4) กลุ่มการค้า ทำธุรกิจส่งออก ทั้งนี้ กลุ่มพลังงาน เป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งแต่ปี 2534 ถือเป็นกลุ่มธุรกิจเก่าที่บริษัทมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ส่วนอีก 3 กลุ่มหลังเพิ่งบุกเบิกใหม่ ขณะนี้มีพนักงานแล้ว 3,000 คน

สำหรับโรงไฟฟ้าของสหยูเนี่ยนถือเป็นโรงไฟฟ้าขนาดกลาง ส่วนใหญ่ป้อนไฟให้ย่านชุมชนเมืองเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันมี 11 โรง ครอบคลุม 4 มณฑล 11 เมือง กำลังการผลิตรวม 869 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 4,340 ล้านหยวน (ดูตาราง หน้า 1 "โรงไฟฟ้าของสหยูเนี่ยนในจีน" ประกอบข่าว) โดยปีที่ผ่านมาได้ขยายกำลังการผลิตใน 4 โรง ได้แก่ Wuxi-Union Cogeneration,Yixing-Union Cogeneration,Zhejiang Jiashan-Union Cogeneration และ Zhangjiagang Shenzhou-Union Cogeneration และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 1 โรงที่เมืองเจียส้าง

อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะสนับสนุนแต่ยังไม่ยอมให้ขึ้นค่าไฟ นายฐิติวัฒน์ยอมรับว่าโรงไฟฟ้าได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินในเมืองจีนยังคงราคาแพงอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงเตรียมซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) เหมืองถ่านหิน เพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบหลักที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟ้ฟ้าอีกทางหนึ่งแทนที่จะรอรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว

"การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ผ่านมาทำให้ถ่านหินขาดตลาด ประกอบกับเกิดอุบัติเหตุคนงานตายในเหมืองถ่านหินบ่อย ทางการจึงสั่งปิด เราจึงต้องการเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินไว้รองรับกรณีที่การขาดแคลนถ่านหินเป็นปัญหาระยะยาว"

ขณะที่นายจง เหว่ยกัง ผู้จัดการ Yixing-Union Cogeneration หรือ โรงไฟฟ้าอี้ซิงซึ่งร่วมทุนระหว่างสหยูเนี่ยนกับรัฐบาลจีนในสัดส่วน 50:50 เปิดเผยว่าปัญหาถ่านหินราคาแพงทำ ให้โรงไฟฟ้าในเมืองจีนปิดกิจการไปหลายแห่ง ส่วนแก้ปัญหาของอี้ซิง จะใช้วิธีผสมกันระหว่างถ่านหินคุณภาพสูงกับถ่านหินคุณภาพต่ำโดยการปรับแต่งอุปกรณ์เครื่องจักรเพื่อเฉลี่ยต้นทุนช่วยให้ประหยัด 200 หยวนต่อตัน นอกจากนี้ยังใช้สายสัมพันธ์ที่ดีกับเหมืองถ่านหินทำให้สามารถซื้อถ่านหินราคาถูกกว่าตลาด

"เราซื้อได้ราคาต่ำกว่าตลาดประมาณ 50 หยวนต่อตัน โดยปัจจุบันราคาถ่านหินราคา 500 หยวนต่อตัน ดังนั้นถ้าเราซื้อปีละ 8 แสนตัน ผมสามารถประหยัดได้ 40 ล้านหยวนต่อปี" นายจงคุยถึงสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับเหมืองถ่านหิน

ส่วนการผลิตด้ายและผ้าลูกไม้ สหยูเนี่ยนยังอยู่การก่อตั้งโรงงานปั่นแห่งแรกในจีนที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพราะที่ผ่านมาเป็นโรงงานที่อยู่ในไทย ถือว่าสอดคล้องกับนโยบายย้ายฐานการผลิตตามสถานการณ์แวดล้อม

ร่วมดัลลิชลุยธุรกิจ ร.ร.อินเตอร์

นายกมลมองว่า จีนมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจการศึกษาในเอเชีย โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ สหยูเนี่ยนจึงศึกษาความเป็นไปได้ในการบุกเบิกเป็นธุรกิจใหม่มาระยะหนึ่งก่อนจะดำเนินการได้แล้ว 2 สาขา คือที่เมืองปักกิ่งซึ่งเป็นการเทกโอเวอร์ ส่วนอีกแห่งที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เปิดเทอมแรกเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัลลิชคอลเลจเป็นโรงเรียนสำหรับเยาวชนในระดับ 1 ถึง 9 ตามมาตรฐานสากล บริษัทยังมีแผนเปิดอีก 1 สาขาที่เมืองซูโจว ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าใช้ระยะเวลาไม่นานก็สามารถดำเนินการได้

"เราเลือกที่จะร่วมมือกับดัลลิชคอลเลจ เพราะเห็นว่าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับโลกของอังกฤษ เชื่อว่าสหยูเนี่ยนจะประสบความสำเร็จในธุรกิจการศึกษาในไม่ช้า เพราะปัจจุบันไม่เฉพาะชาวต่างชาติในเมืองจีนที่เพิ่มขึ้น แต่ลูกหลานคนจีนที่มีสัญชาติต่างประเทศได้ทยอยกลับภูมิลำเนามากขึ้น"

นายกมลกล่าวว่า เป้าหมายในปี 2007 จะมีนักเรียนเข้าเรียนในดัลลิชคอลเลจที่สาขาปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้มากกว่า 1,200 คน และภายใน 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจโรงเรียนจะสร้างรายได้มหาศาลให้สหยูเนี่ยน สำหรับค่าเล่าเรียนของนักเรียนต่อปีขณะนี้คิดหัวละ 1 ล้านบาท หรือกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ และในอนาคตคาดว่ารัฐบาลจีนจะแก้กฎหมายให้เด็กจีนมีสิทธิ์เรียนในโรงเรียนนานาชาติ โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้มีสัญชาติต่างประเทศเหมือนปัจจุบัน ทั้งนี้ สหยูเนี่ยนได้ใบอนุญาตเปิดโรงเรียนนานาชาติในจีนเป็นรายสุดท้ายก่อนรัฐบาลจะปิดรับการขออนุญาต

นายกมลเปิดเผยว่า ความสำเร็จในการเจรจาธุรกิจกับดัลลิชคอลเลจ ส่วนหนึ่งอาศัยสายสัมพันธ์ส่วนตัวของนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตประธานกรรมการสหยูเนี่ยน เนื่องจากนายอานันท์เคยเป็นศิษย์เก่าดัลลิชคอลเลจ ทั้งนี้ สหยูเนี่ยนลงทุนธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในนาม Union Education Index Ltd., Union Education Management) ซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกง

ปัจจุบัน กลุ่มสหยูเนี่ยนมีนายอำนวย วีรวรรณ เป็นประธานกรรมการ ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วยบริษัท ยูเนี่ยนอุตสาหกรรมด้าย จำนวน 9.65% บริษัท ยูเนี่ยนแคปปิทอล 6.25% บริษัท ยูเนี่ยนบริหารธุรกิจ 6.22% บริษัท โรงงานรวมอุตสาหกรรม 5.96% และธนาคารกรุงเทพ 4.11%

สำหรับภาพรวมการทำธุรกิจในเมืองจีน ผู้บริหารสหยูเนี่ยนระบุว่าน่าลงทุนมากกว่าเมืองไทย โดยสายสัมพันธ์ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการติดต่อกับหน่วยงานรัฐ อย่างไรก็ตามการที่จีนเซ็นสัญญาปกป้องนักลงทุนไทยเมื่อ ปี 1995 ทำให้ธุรกิจไทยได้รับการคุ้มครองอย่างดี นอกจากนี้คนไทยถือเป็นญาติพี่น้องของคนจีน ผู้บริหารสหยูเนี่ยนเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในระดับสูงต่อไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us