Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 พฤศจิกายน 2547
"วรรณ" รอลุ้นประกันสังคมจ้างบริหารไพรเวทฟันด์ต่อ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บลจ. วรรณ

   
search resources

วรรณ, บลจ.
Funds




ปีหน้าบลจ.เตรียม ลุยธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลต่อ หลังเม็ดเงินทั้งระบบสิ้นก.ย.ลดลง 6.39% จากส.ค. "วรรณ" ลดมากสุดกว่า 27% จากกองทุนประกันสังคมหมดอายุรอผลยื่นขอบริหารใหม่ ด้านธนชาติเพิ่มขึ้น 2.37% คุยจาก ธ.ค. ปี46 ถึง ก.ย. ปี 47 มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้น 32.43% ขณะที่ทั้งระบบปรับขึ้น 15.61%

ในจำนวนเม็ดเงินทั้งระบบของ "กองทุนส่วนบุคคล" หรือ Private Fund Management ณ สิ้นก.ย.ซึ่งมีกว่า 1.31 แสนล้านบาท จำนวน 1,533 กองทุน พบว่า บลจ.ที่มีเม็ดเงินบริหารมากสุดอันดับหนึ่ง คือ บลจ. กสิกรไทย ซึ่งบริหารเม็ดเงิน 3.7 หมื่นล้านบาท หรือ 28.68% รองลงมา บลจ. ทิสโก้ บริหารเม็ดเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท หรือ 13.22% ตามด้วยธนาคารกรุงเทพ บริหารเม็ดเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท หรือ 12.83% บลจ.วรรณ บริหารเม็ดเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท หรือ 11.05% และบลจ. อยุธยาเจเอฟ บริหารเม็ดเงิน 9.6 พันล้านบาท หรือ 7.32%

ส่วนบลจ.ที่มีเม็ดเงินบริหารกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค.มากสุด ได้แก่ บลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งบริหารเม็ดเงิน 212.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.52% ตามด้วย บลจ.อยุธยาเจเอฟ ซึ่งมีเม็ดเงินบริหาร 9.61 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.06% และบลจ.บัวหลวง ซึ่งมีเม็ดเงินบริหาร 5.517 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%

ขณะที่ บลจ.ที่มีเม็ดเงินบริหารลดลงจากเดือน ส.ค.มากสุดได้แก่ บลจ.วรรณ ซึ่งมีเม็ดเงินบริหาร 130.04 ล้านบาท ลดลง 27.7% บลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีเม็ดเงินบริหาร 3.76 หมื่นล้านบาท ลดลง 11.72% และ บลจ.ซีมิโก้ไนท์ ฟันด์ ซึ่งมีเม็ดเงินบริหาร 925.4 ล้านบาท ลดลง 8.64%

ทั้งนี้ การแข่งขันของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลส่วนใหญ่แข่งขันในเรื่องค่าธรรมเนียมการบริหาร เช่น ค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุนรวมลงทุนในตราสารทุนจะอยู่ที่ 1-1.5% หรือกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้คิดค่าธรรมเนียม 0.75% ซึ่งโดยทั่วไปค่าบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลอยู่ระหว่าง 0.5-1.5% แต่มีบางแห่งที่เรียกเก็บจากลูกค้าที่อัตรา 2.5% ซึ่งคงขึ้นอยู่กับรูปแบบในการเลือกลงทุนของลูกค้า เช่น เลือกประเภทลงทุนที่ต้องใช้ความสามารถในการบริหาร สูงหรืออาจเป็นวงเงินที่ให้บริหารไม่สูงนัก เพราะกองทุนส่วนบุคคลต้องบริหารในหลายส่วน ทั้งส่วนที่เป็นทั้งหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ฯหรือหุ้นกู้ รวมทั้งหน่วยลงทุนหรือลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของบลจ.วรรณ ช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. มูลค่ากองทุนภายใต้การบริหารมีการปรับลดลงกว่า 27.70% หรือจาก 20,056.79 ล้านบาท เป็น 14,500.84 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากกองทุนประกันสังคมที่บริหารมีการครบอายุไถ่ถอนออกไป แต่เรื่องดังกล่าวก็เกิดกับบลจ.ที่บริหารให้กองทุนประกันสังคมเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทได้เตรียมการเพื่อยื่นขอเป็นผู้บริหารกองทุนประกันสังคม ซึ่งยังต้องรอดูว่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ เพราะเม็ดเงินในกองทุนประเภทดังกล่าวค่อนข้างมาก แต่ทั้งนี้ยังเชื่อว่าการเติบโตของกองทุนส่วนบุคคลจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าทั้งระบบจะเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 10-15%

ขณะนี้การบริหารกองทุนส่วนบุคคลเป็นส่วนของนักลงทุนรายย่อย 900 ล้านบาท จากเม็ดเงินบริหารรวม 1.4 หมื่นล้านบาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าสถาบัน ซึ่งวรรณมีนโยบายที่จะจับกลุ่มลูกค้าสถาบันสำหรับกองทุนส่วนบุคคลอยู่แล้ว แต่ก็จะเน้นไปที่ลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้น ทั้งนี้เน้นการบริหารงานเพื่อสร้างความมั่นคั่งให้นักลงทุน

แต่ทั้งนี้มองในแง่การเติบโตยังเชื่อว่า ในอนาคตกองทุนส่วนบุคคลยังมีแนวโน้มที่สดใส เพราะประเด็นสำคัญเรื่องการออกพระราชบัญญัติรับประกันเงินฝากที่คาดว่าจะสามารถอออกมาได้ในช่วง 5 ปี จะทำให้ประชาชนผู้ฝากเงินซึ่งปกติได้รับประกันเงินที่ฝากกับธนาคารเต็มจำนวน เมื่อพระราช บัญญัติดังกล่าวประกาศใช้เงินที่จะได้รับความคุ้มครองจะลดลง ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้มีเม็ดเงินจากเงินฝากเข้ามาลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us