ครม.ไฟเขียว "วายุภักษ์ 1" ลุย SET50 ได้แล้ว ส่งผลลงหุ้นได้มากถึง 80% ของมาร์เกตแคป สร้างความมั่นใจนักลงทุน ทำใจปัญหาไฟใต้คลายกังวล หวังเงินต่างชาติกลับมาเอง "คลัง" ย้ำไม่เกี่ยวภาวะตลาดและทีพีไอทำเพื่อผู้ถือหน่วย ด้านฝ่ายค้านอัดรัฐใช้วายุภักษ์แก้ปัญหาตลท.ที่ได้รับผลกระทบไฟใต้ เป็นการแก้ปลายเหตุ แนะให้แก้ต้นเหตุที่ภาคใต้ พร้อมจี้ ก.ล.ต. ตรวจสอบวายุภักษ์เอื้อบางกลุ่มแนะจับตาค่ายชินฯ ด้าน บลจ. เอ็ม เอฟซียัน ไม่ทำให้ผู้ถือหน่วยเสียประโยชน์ ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะก๊วนหาดใหญ่ไล่ STA แล้วทุบเล่นข่าวเทกโอเวอร์เก็งกำไร AI วอลุ่มคึกคักราคาวิ่ง

นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ขยายกรอบการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ให้สามารถลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 ได้ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ครม.เห็นชอบ แต่อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัตินั้นการที่จะลงทุนในหุ้นในกลุ่ม SET50 ตัวใดนั้น จะต้องมีการหารือกับผู้จัดการกองทุนและคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานกองทุนฯก่อน

ทั้งนี้ การขยายกรอบเพราะต้องการให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดในการให้ผลตอบแทนที่เพียงพอต่อผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย ไม่เป็นภาระของกระทรวงการคลังในอนาคต

"เราหารือกันมานานแล้ว ไม่ได้คิดจะเข้ามาในช่วงที่สภาพตลาดเป็นแบบนี้ เดิมหุ้น 26 ตัวที่ลงได้นั้นยังติดในเรื่องของเพดาน ข้อจำกัดด้านกฎหมาย หุ้นบางตัวมีสภาพคล่องน้อย จึงอยากที่จะเข้าไปเพิ่มสภาพคล่องให้ ด้านจิตวิทยาในการลงทุนของนักลงทุนนั้น มองว่าไม่น่าเกี่ยวข้องกัน เป็นเรื่องของนักลงทุนเอง แต่อย่างไรก็ตาม คิดว่าอย่างน้อยก็อาจจะทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งเกิดความตื่นตัวได้"

นอกจากนี้ ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่มีกระแสว่ากองทุนฯจะเข้าไปซื้อหุ้นทีพีไอแต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่า ทีพีไอ ไม่ได้อยู่ใน SET 50

ฝ่ายค้านจี้สอบ

นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับบริษัทที่กองทุนฯจะเข้าไปซื้อหุ้น เขาอยากให้ กลต.ได้ตรวจสอบว่าในบรรดาหุ้นที่เข้าข่ายอยู่ในกลุ่มที่ถูกซื้อนั้นมีหุ้นตัวใด ที่มีอัตราซื้อขายผิดปกติก่อนที่กองทุนฯจะซื้อ เพราะหากพบว่ามีการซื้อขายหุ้นตัวใดสูงจริง เท่ากับว่าข่าวรั่ว ซึ่งหมายถึงคนบางกลุ่มอาศัยกองทุนฯหาเงิน ซื้อ เพื่อกักตุนเพื่อเก็งกำไร และเห็นว่าการประกาศซื้อหุ้นก่อนซื้อจริงไม่มีใครเขาทำกัน เพราะจะทำให้ซื้อได้ในราคาแพง ผลตอบแทนของประชาชนจะลดลง ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการนำเงินประชาชนไปปั่นหุ้น

"เข้าใจว่ารัฐบาลต้องการแก้ปัญหาในตลาดหุ้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภาคใต้ แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ต้นเหตุจริงๆ รัฐควรแก้ไขที่ภาคใต้โดยตรง ที่สำคัญรัฐบาลจะต้องมีการระมัดระวังเป็นพิเศษว่าการเข้าซื้อหุ้นจะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือไม่"

ส่วนหุ้นที่เข้าข่ายถูกซื้อมีหุ้นในกลุ่มชินวัตรหรือไม่นั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า เบื้องต้นกองทุนฯจะเข้าซื้อหุ้นที่อยู่ในกลุ่มผู้นำในตลาดซึ่งหุ้นของตระกูลชินวัตรก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต่างชาติให้ความสนใจในการลงทุน

ลุยหุ้นได้ 80% ของมูลค่าตลาด

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี หรือ MFC ในฐานะผู้จัดการกองทุนวายุภักษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้มีความเหมาะสมที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนจึงขอลงทุน ใน SET50 เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ตามเกณฑ์เดิมสามารถลงทุนในหุ้นได้ 30% ของมูลค่าตลาด แต่เมื่อครม.อนุมัติ ส่งผลให้กองทุนฯ สามารถลงทุนในหุ้นได้เพิ่มขึ้นเป็น 80% ของมูลค่าตลาด โดยพอร์ตวายุภักษ์ที่เอ็มเอฟซีบริหารยังเหลือเม็ดเงินลงทุนมากกว่า 15,000 ล้านบาท

"ส่วนประเด็นที่คนส่วนใหญ่มองว่าจะเข้าไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเครือญาติของครม.นั้น ขอยืนยันว่าจะลงทุนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารกองทุนฯ ที่ดี ทำตามกรอบที่กำหนดขึ้นมา สามารถอธิบายได้ตามหลักวิชาการเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งหุ้นกลุ่มดังกล่าวอาจเป็นบริษัทของเครือญาติ ครม. ผู้ที่มีความข้องใจเข้ามาตรวจสอบได้ และเราก็สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่าง โปร่งใส"

นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า "การลงทุนในหุ้นระยะนี้ถือเป็นช่วงที่เหมาะสมคือในระดับ 600 จุดต้นๆ เพราะหากหุ้นมีราคาแพงกว่านี้เราคงไม่เข้าไปซื้อเพราะอาจทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเสียหายได้ ทั้งนี้ขอให้ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกคนไม่ต้องกังวลเพราะเรามีวิธีลงทุนตามกฎเกณฑ์ที่ได้วางไว้อย่างเหมาะสม" นายศุภกรกล่าว

หุ้นคึกรับวายุภักษ์

ด้านการลงทุนวานนี้ดัชนีดีดขึ้นแรงและไปทดสอบจุดสุงสุดที่ระดับ 636.10 จุด ก่อนมาปิดที่ 631.99 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด (0.80%) มูลค่าการ ซื้อขาย 13,832.12 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย สุทธิ 341.50 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 679.20 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 337.70 ล้านบาท

นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นเริ่มมีการปรับขึ้นหลังจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาชายแดนภาคใต้เริ่มมีความชัดเจนขึ้น ประกอบกับข่าวดีเรื่องความสามารถในการขยายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจ ในตลาดหุ้นมากขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติแต่เชื่อว่าเม็ดเงินน่าจะกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้งหลังปัญหาคลี่คลาย

ยังแนะนำให้ซื้อหุ้นในกลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นตามดัชนี ไม่ว่าจะเป็น PTT, PTTEP เป็นต้น รวมถึงหุ้นที่จะมีการปรับขึ้นมากกว่าดัชนีเนื่องจากข่าวในอนาคต หุ้นกลุ่มสื่อสาร พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ ยังน่าสนใจ

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ การลงทุนและวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเพกซ์ กล่าวว่า นักลงทุนยังระมัดระวังการเข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้เพราะต้องการรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และยังรอดูปัจจัยภายในประเทศด้วย โดยแนวรับที่ 628 จุด แนวต้านที่ 638 จุด

ขาใหญ่ไต้เล่น STA - AI วิ่ง

รายงานข่าวจากโบรกเกอร์ระบุว่า นอกจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวคึกคักไม่ว่าจะเป็น PTT PTTEP แล้ววานนี้ (2 ต.ค.) ยังพบว่ามีนักลงทุนรายใหญ่เมืองไทยโดยเฉพาะกลุ่มหาดใหญ่เข้ามาจุดพลุเก็งกำไรหุ้น STA และ AI ส่งผลให้มีการซื้อขายคึกคัก

ทั้งนี้ หุ้น STA ขึ้นมาแตะจุดสูงสุดที่ 61 บาทในระหว่างการซื้อขายเมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) ก่อนที่จะถูกทุบลงมาปิดที่ 56.50 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 436.87 ล้านบาท ส่วนหุ้น AI ปิดตลาดที่ 68.50 บาท เพิ่มขึ้น 10.50 บาท คิดเป็น 18.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 537.97 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่การตลาดรายหนึ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่มีแรงไล่ซื้อหุ้น STA เนื่องจากมีกระแสข่าวลือในห้องค้าว่ามีบริษัทจากต่างประเทศจะเข้ามาเทกโอเวอร์ STA