สเปนใช้เวลากว่า 40 ปี ฟูมฟักและสร้าง Benidorm ให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดขายเด่นชัด ในฐานะ "เมกกะของแพ็กเกจทัวร์" พร้อมเอกลักษณ์น่าทึ่งตรงที่ตึกสูงราว 300 แห่ง มีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวคือ บางและแบน ด้านหน้าของตัวอาคารหันไปทางทิศใต้และมีระเบียงเป็นระเบียบ ตัวอาคารแต่ละแห่งมีทำเลที่ตั้งในจุดที่มองเห็นความสวยงามของทะเลเหมือนกันหมด แม้จะตั้งอยู่ลึกเข้าไปถึงแถวที่ 6 แล้วก็ตาม

การจัดระเบียบผังเมืองอย่างเข้มงวดต่อเนื่องและครบเครื่องน่าจะเป็นคำตอบของ "กรณีศึกษา" นี้ได้เป็นอย่างดี

เริ่มจากทศวรรษ 1950 ที่นายกเทศมนตรี Pedro Zaragoza ผู้มีวิสัยทัศน์และเชื่อมั่นในศักยภาพเชิงเศรษฐกิจของการท่องเที่ยวแบบ mass tourism ว่าจะเป็นตัวจักรสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าของ Benidorm ชุมชนเมืองที่มีประชากรไม่ถึง 3,000 คนให้รอดพ้นจากภาวะยากจนได้ตลอดไป

เขาจึงเป็นหัวหอกในการออกระเบียบผังเมืองอันเข้มงวด ซึ่งเน้นจัดสรรที่ดินเพื่อตัดถนนสายใหญ่และเพื่อการพัฒนาเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ห้ามการก่อสร้างในบริเวณชานเมืองโดยรอบ

ต้นทศวรรษ 1960 สถาปนิก Francisco Munoz ประสบความสำเร็จในการเป็นหัวหอกผลักดันให้มีการสร้างตัวอาคารในแนวตั้งแทนแนวนอน เพื่อให้แต่ละอาคารมี "จุดชมทะเล" เท่าเทียมกัน และกลายเป็นข้อกำหนดด้านสถาปัตยกรรมของทั้งเมืองไปโดยปริยายว่า ทุกตารางเมตรของหน้าดิน นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องสร้างอาคารให้ได้ 3 ลูกบาศก์เมตร ต้องมีระยะห่างระหว่างตัวอาคารและขอบของที่ดินผืนนั้น 7 เมตร เป็นอย่างน้อย

เป็นผลให้อีก 40 ปีต่อมา ตึกสูง 300 แห่ง ใน Benidorm มีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือ ก่อนปลายทศวรรษ 1960 ตึกสูงใน Benidorm ล้วนสูงไม่เกิน 24 ชั้น เพราะข้อจำกัดเรื่องเทคโนโลยีการผลิตลิฟต์นั่นเอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์พากันสร้างตึกระฟ้าแบบไม่ให้น้อยหน้าใครเรื่องความสูงอีกต่อไป เริ่มจาก Torre Levante สูง 36 ชั้น และเป็นแลนด์มาร์คของเมืองในปี 1985 มีความสูงถึง 120 เมตร ขณะที่กว้างเพียง 15 เมตร

ต่อมาในปี 2002 จึงมี Edificio Neguri Gane สูง 40 ชั้นขึ้นมาแซงหน้า และได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่พักอาศัยสูงที่สุดในสเปนคือ 145 เมตร

Gran Hotel Bali ที่เพิ่งสร้างแล้วเสร็จไปหมาดๆ นั้นเล่า มี 52 ชั้น สูง 186 เมตร และครองตำแหน่งโรงแรมสูงที่สุดในยุโรปไปเสียแล้ว