เครือข่ายศิษย์เก่า Wharton แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียนั้น เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1884 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนศิษย์เก่ากว่า 77,000 คน ใน 139 ประเทศ และมีชมรมศิษย์เก่า 83 ชมรมกระจายอยู่ทั่วโลก
เฉพาะศิษย์เก่าจากเอเชียมีอยู่ราว 3,250 คน มีการตั้งชมรมอย่างเป็นทางการในบางแห่งเท่านั้น คือฮ่องกง เกาหลี และจีน (เซี่ยงไฮ้) ส่วนในประเทศอื่นแม้ไม่ได้ตั้งชมรมแต่ก็มีตัวแทนทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการติดต่อ อาทิ ประเทศไทย มีโอฬาร ไชยประวัติ เป็นตัวแทน โดยมีแกนกลางการประสานงานอยู่ที่คณะกรรมการบริหารสมาคมศิษย์เก่าภาคพื้นเอเชีย ซึ่งมีศิษย์เก่าจากประเทศต่างๆ มาร่วมเป็นกรรมการถึง 38 คนด้วยกัน
และในจำนวนนี้มีคนไทย 6 คน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี คือ
อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
โอฬาร ไชยประวัติ ประธานสภามหาวิทยาลัยชินวัตร (W'66)
ปิ่น จักกะพาก ลอนดอน ประเทศอังกฤษ (W'73)
ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (WG'70)
สุขุม นวพันธุ์ ประธานกลุ่มบริษัทนวธานี (WG'51)
ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส (WG'80, GR'84)
ทุกปีจะมีการจัดงานสัมมนาระดับโลกของเครือข่ายศิษย์เก่าในชื่อ Wharton Global Alumni Forums ซึ่งจะจัดเวียนไปในหลายประเทศหลากภูมิภาค ในปีนี้จัดไปแล้วที่เซี่ยงไฮ้ มอสโคว์ และเม็กซิโก ส่วนปีหน้าโปรแกรมถูกกำหนดไว้แล้วว่า 27-28 พฤษภาคมจะจัดที่สิงคโปร์ 9-10 มิถุนายน ที่ลอนดอน และ 30 มิถุนายน-1 กรกฎาคม ที่ซานติอาโก
ท่ามกลางรายชื่อศิษย์เก่าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานสัมมนา Wharton Global Alumni Forum ที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 3-6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ปรากฏรายชื่อของโอฬาร ไชยประวัติ, ก้องเกียรติ โอภาสวงการ, ธีรวุฒิ วงศ์วิบูลย์สิน, ศิริภัณฑ์ วิมลเฉลา, คริส ณ ลำเลียง และอนันต์ อัศวโภคิน รวมอยู่ด้วย ส่วนหัวเรือใหญ่ของงานครั้งนี้คือ Philip Y. Wu CFO ของ Greater China Novel Investment Holdings ในฐานะประธานชมรมศิษย์เก่า Wharton แห่งเซี่ยงไฮ้
Wharton Global Alumni Forums เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของบรรดาผู้บริหารระดับสูงขององค์กรระดับโลกทั้งภาครัฐและเอกชน แน่นอนว่าวัตถุประสงค์หลักของงานนั้น จัดขึ้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ แต่ส่วนหนึ่งย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นโอกาสสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ ที่อาจมีผลสืบเนื่องไปถึงการดำเนินธุรกิจและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วย
โดยเฉพาะศิษย์เก่าหลายคนขณะนี้ขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงใน Goldman Sachs (Robert J.Hurst,WG'68-Vice Chairman, David B.Ford, WG'70 - Head of Asset Management), J.P. Morgan Chase & Co. (Geoffrey T.Boisi, WG,71 - Vice Chairman) บ้างก็เป็นผู้ว่าการธนาคาร บ้างก็เป็นรัฐมนตรี (Boediono, Gr'79 อดีตรมต.คลัง อินโดนีเซีย จบปริญญาเอกจากที่นี่เมื่อปี ค.ศ. 1979) หรือนักการทูต (Franklin L.Lavin, WG'96-U.S.Ambassador to the Republic of Singapore)
ทำให้เห็นภาพรางๆ ได้ว่าเครือข่ายศิษย์เก่า Wharton ที่นอกจากจะเป็นสัมพันธภาพที่ยืนยาวชั่วชีวิต และเป็นแกนเชื่อมโยงผู้บริหารทั่วโลกเข้าด้วยกันแล้ว ยังอาจนับว่าเป็นสายใยอันทรงอิทธิพลได้เช่นกัน
ข้อมูลจาก www.wharton.upenn.edu
|