Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2547
ไวท์แมกโนเลียและลิลลี่ที่นครเซี่ยงไฮ้             
โดย ชมพูนุท ช่วงโชติ
 





ลิฟต์ทะยานขึ้นสู่เพิร์ลทาวเวอร์ กลางนครเซี่ยงไฮ้ ด้วยความเร็ว 7 เมตรต่อวินาที ใช้เวลาเพียง 40 วินาที ก็นำนักท่องเที่ยวขึ้นมายังจุดชมวิวชั้นสอง เร็วพอๆ กับการเติบโตแบบก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจของมหานครแห่งนี้

แลนด์มาร์คของเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ ใส่ความทันสมัยล้ำยุคลงไปในทุกตารางนิ้วของการออกแบบตกแต่ง หอไข่มุกของนครเซี่ยงไฮ้ ไม่เหลือความเป็นจีนไว้เลยแม้แต่น้อย

ในเวลากลางคืน สองฝั่งแม่น้ำหวังผู่เจียง เปล่งประกายของความเก่าและใหม่ออกมาปะทะกันอย่างน่าตื่นตา ฟากหนึ่งเป็นอาคารสูงระฟ้า สีสันเจิดจ้า ระยับเหมือนเมืองในอวกาศ มีเพิร์ลทาวเวอร์ เป็นไฮไลต์สำหรับการล่องเรือชมวิว อีกฟากหนึ่งเป็นอาคารโบราณรูปทรงตะวันตกในเขตนานาชาติเดิม ตกแต่ง ด้วยไฟส่องสว่าง ที่ขับเน้นแสงเงาและโค้งมุมของสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิก

นี่เป็นวิวัฒนาการรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น และไม่มีเมืองอื่นใดในโลกจะสามารถลอกเลียนแบบได้

วันนี้ เซี่ยงไฮ้เหมือนมหาเศรษฐินีสาวน้อย เริ่ดหรูในวัยทีนเอจ เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ใครผ่านไปผ่านมาก็อยากรู้จัก จนต้องกลับมาค้นประวัติศาสตร์ หนังสือประวัติศาสตร์จีนยาวมาก แต่เซี่ยงไฮ้กลับไม่มีประวัติศาสตร์ที่มีรสชาติใดๆ

"เพราะสงครามไม่มีรสชาติ มีแต่น้ำตา" เหมือนกันหมด

เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่หัวขบวนของการเคลื่อนไหวปฏิวัติ ไม่ใช่สนามรบอย่างนานกิง เป็นแค่หมู่บ้านชาวประมง และคนทอผ้าไหมในยุคโบราณ แต่แล้วเซี่ยงไฮ้ ก็แปลงโฉมชั่วข้ามคืน จากหมู่บ้านริมทะเล ที่หลับใหล มาสู่ความเป็นหัวมังกรของจีน ในศตวรรษที่ 21 เป็นนครใหญ่อันดับหกของโลก...ปารีสตะวันออก...นิวยอร์กตะวันตก...และอีกหลากหลายคำพรรณนา ที่เกิดจากความตื่นตาตื่นใจของชาวโลก เป็นแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาสัมผัส สร้างสัมพันธ์ และทำธุรกิจการค้า

นโยบายเปิดประเทศและการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 1979 ทำให้ในปี 2004 เซี่ยงไฮ้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงถึง 4 แสนล้านบาท การเปิดเขตเสรีทางการค้า หรือ Free Trade Zone ในหลายพื้นที่ ดึงดูดนักลงทุนมากกว่า 80 ประเทศ

เขตนิคมอุตสาหกรรม "ไว่เกาเฉียว" ที่ตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ เป็นเขตอุตสาหกรรมที่มีระบบลอจิสติกดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำนักข่าวและสำนักพิมพ์ต่างประเทศ มาก กว่า 36 แห่ง เข้ามาตั้งสำนักงานสาขาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ โครงการลงทุนในเซี่ยงไฮ้เริ่มจากอุตสาหกรรม แต่ต่อมาขยายไปถึง ความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ด้านการเงิน การท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์และสาขาบริการต่างๆ

รัฐบาลจีนชดเชยความเข้มงวดต่อสิทธิของแรงงานชาวจีน ภายใต้สัญญาจ้างของชาวต่างชาติ ด้วยข้อแลกเปลี่ยนของการเปิดเสรีด้านการเงิน การยกเว้นภาษี และโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ การเปิดประเทศยังคงวางอยู่บนหลักการควบคุมเข้มงวดด้านการเมือง และการเปิด เสรีด้านเศรษฐกิจอย่างชัดเจน

เราเดินทางมายังศาลาว่าการนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอยู่ติดกับจตุรัสประชาชนและแกรนด์เธียเตอร์ ตึกที่ทำการเทศบาลหรูหราทันสมัยแบบตะวันตก

โถงชั้นล่างจัดแสดงศิลปะวัตถุที่เป็นของขวัญจากนครต่างๆ อีกด้านหนึ่งเป็นภาพของนครเซี่ยงไฮ้ หลากหลายมิติ กับดอกไวท์แมกโนเลีย ซึ่งเป็นสายพันธุ์หนึ่งของดอกจำปี ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ด้านหน้าห้องแสดง มีชาร์ตเชื่อมโยง เมืองเซี่ยงไฮ้กับเมืองพี่เมืองน้อง (Sister Cities) ไม่น้อยกว่า 40 แห่งทั่วโลก เช่น โอซากา รอตเตอร์ดัม คลาซาบลังก้า ออสโล รวมทั้งนครเชียงใหม่ด้วย

ภายในตัวตึก วัฒนธรรมตะวันออก ยังคงปรากฏอยู่ในวิถีแห่งการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน แขกต่างเมืองได้รับการต้อนรับ ด้วยชารสดี พร้อมวาจาสุภาษิต "เพื่อนที่เดินทางมาจากที่ไกล ยิ่งมากยิ่งดี" และ "คนไทยเป็นมิตรที่พิเศษของประเทศจีน" เปลี่ยนบรรยากาศของการดูงานให้คล้ายกับการไปเยี่ยมบ้านเพื่อน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเทศบาลและสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาของเทศบาล นครเซี่ยงไฮ้ เป็นผู้บรรยายและคอยตอบคำถามผ่านล่าม สถาบันวิจัยแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ทำการศึกษาวิจัยด้านเศรษฐกิจสังคม และอื่นๆ เพื่อหาหนทางพัฒนาเซี่ยงไฮ้ สรรหาบุคคลที่มีความสามารถมาเป็นที่ปรึกษาเพิ่มเติม ทำงานให้รัฐวิสาหกิจต่างๆ รวมทั้งการให้คำแนะนำ และช่วยเหลือเมืองอื่นๆ ที่เล็กกว่าเซี่ยงไฮ้ และร่วมมือกับองค์กรพัฒนาระหว่างประเทศ "เมืองของเราสำคัญต่อประเทศจีน และโลก" ซึ่งเป็นความจริง "เราต้อง การพัฒนาประเทศให้ทันสมัย รายได้ของประเทศตะวันออกยังขยายได้อีก ตลาดของเราใหญ่กว่าอเมริกาและยุโรป แต่เราใช้ภูมิปัญญาของเอเชีย มากกว่าจะใช้ความคิดตะวันตก"

แผนพัฒนาเซี่ยงไฮ้ให้ความสำคัญ กับเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก พยายามดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์หลักคือการจ้างงาน สำหรับประเทศที่มีประชากรยากจนอยู่ถึง 30 ล้านคน ขาดปัจจัยสี่ และต้องการงานทำ นโยบายนี้ก็นับว่าจำเป็น

การพัฒนาแบบ Growth Center ทำให้มหานครเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เทียนจินฉงชิ่ง และเซินเจิ้น เป็นศูนย์กลางของความเจริญ รายได้ต่อหัวของประชากรในเซี่ยงไฮ้ สูงเป็นหกเท่าของรายได้คนจีนโดยเฉลี่ย ความเจริญกระจายไม่ทั่วถึง คนจนจนลง คนรวยรวยขึ้น แต่คนจีนโดยรวมก็เพลิดเพลินกับวิถีชีวิตใหม่ดีอยู่ โดยไม่มีเสียงพร่ำบ่นวิพากษ์วิจารณ์ดังออกมาภายนอก

สาวน้อยลิลลี่ เป็นทั้งไกด์และล่ามของเรา เป็นคนที่เดินอยู่ตรงรอยต่อของยุคเก่าและยุคใหม่ ลิลลี่เป็นชนกลุ่มน้อยชาวจ้วง มาจากเมืองหนานหนิงใกล้พรม แดนเวียดนาม เกิดในครอบครัวยุคปฏิวัติที่ต้องร้องเพลงและอ่านบทนิพนธ์ของเหมา เจ๋อ ตง ก่อนอาหารเย็น ลิลลี่เลือกเรียนวิชาภาษาไทยในระดับมหาวิทยาลัย เพราะแม่อยากให้เรียน" เคยมาเรียนที่จุฬาฯ สองปี พูดภาษาไทยได้ชัดเจนและเฉลียวฉลาด จนเข้าใจวัฒนธรรมที่ซับซ้อนสับสนของไทยได้ดีพอๆ กับที่เข้าใจ กระแสเชี่ยวกรากของการเปลี่ยนแปลงและความคิดของเด็กวัยรุ่นจีน ที่ยึดติดกับของแบรนด์เนม โทรศัพท์มือถือ และกำลัง Go West โดยไม่ได้ลึกซึ้งกับหนทาง อันยากลำบากทุรกันดารและความขมขื่นของคนรุ่นก่อน

ใช่แล้ว "สงครามไม่มีรสชาติ มีแต่ น้ำตา" และมีแต่เรื่องราวของคนธรรมดา สามัญที่ถูกกระแสการเมืองพัดเหวี่ยงไปมา บางคนเคยถูกจับถูกกล่าวหาว่า เป็นคอมมิวนิสต์ ไม่นานต่อมาก็อาจถูกเรดการ์ดจับไปทำร้ายประจานกล่าวหาว่า เป็นพวกต่อต้านการปฏิวัติโดยไม่สามารถโต้แย้งใดๆ

ประวัติศาสตร์อาจทำให้ความรู้สึกชาตินิยมเจืออยู่ในสายเลือดของนักต่อสู้ชาวจีน รวมทั้งสาวน้อยลิลลี่ด้วย ช่วงเวลา ที่มหาอำนาจตะวันตกบุกรุกเข้ามาในจีนนั้น จีนเป็นประเทศที่อ่อนแอมาก แต่ก็กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่ใครจะครอบครองได้เพียงคนเดียว การรุมกินโต๊ะ หรือ Chinese Party จึงเกิดขึ้นอย่างเมามัน เขตนานาชาติในเซี่ยงไฮ้ แม้ไม่ใช่เมืองขึ้น แต่คนตะวันตกกลับมีเอกสิทธิ์เหนือคนจีนที่เป็นเจ้าของแผ่นดิน สโมสร คลับหรูและสวนสาธารณะ ติดป้ายว่า "คนจีนและสุนัขห้ามเข้า"

คนจีนที่มีสายเลือดของนักต่อสู้แบบลิลลี่ อาจได้รับการถ่ายทอดและยังคง จดจำบทเรียนเช่นนี้ได้ แต่คนจีนรุ่นเก่าที่ยึดมั่นอยู่กับขนบประเพณี หรือคนที่ยอมจำนนแบบตัวละครในนิยายเรื่อง "อาคิว" อีกนับล้าน ต่างเดินปะปนกับเด็กรุ่นใหม่นักเรียนนอกวัยเยาว์ ที่พูดภาษาอังกฤษสำเนียงชัดเจนถูกต้อง หิ้วโน้ตบุ๊คยี่ห้อ Lenovo ที่เป็นของจีน และกำลังบริหาร ธุรกิจพันล้าน ตำนานและซากปรักหักพังของการต่อสู้ทางชนชั้น และการปฏิวัติวัฒนธรรม แอบซ่อนอยู่ตามมุมตึก หรือบนรถเข็นขายของที่ระลึก ปะปนกับของ แบรนด์เนมรุ่นล่าสุด สินค้าก๊อบปี้ที่ทะลักอยู่ในตลาด ภายใต้การซื้อขายต่อรองที่ไร้กฎเกณฑ์กติกาใดๆ

เซี่ยงไฮ้ใช้ดอกไวท์แมกโนเลียเป็นสัญลักษณ์ของเมืองก็เพราะ...It's eyes always look toward the sky มันสะท้อนจิตวิญญาณของความทะเยอทะยาน มุ่งมั่น ต่อสู้ และก้าวไปข้างหน้า เป็นดอกไม้แห่งอนาคต

แต่เซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้มีแต่ไวท์แมกโนเลีย ยังมีสาวน้อยลิลลี่เดินอยู่ตรงรอยต่อระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่ คอยเล่าประวัติศาสตร์ แทรกทัศนะส่วนตัวที่น่าสนใจให้นักเดินทางที่มาเซี่ยงไฮ้ฟัง พาผู้คนไปดูสวนอี้หยวน ร้านใบชา และ สตาร์บัคส์ พานั่งสามล้อหลังคาเหลืองไปล่องเรือที่โจวจวง เมืองโบราณอายุ 900 ปี และร้องเพลงเถียนมีมี่ให้ฟัง

ลิลลี่บินไปมาระหว่างเซี่ยงไฮ้กับหนานหนิง งานในหน้าที่และวิธีคิดแบบลิลลี่ ทำให้เธอเชื่อมโยงคนไทยกับจีนเชื่อมโยงอดีตกับอนาคตอย่างกลมกลืน ก่อนแยกจากกันไป ยังทิ้งถ้อยคำโบราณของจีนไว้กับพวกเราอีกด้วยว่า

"คนเรามีวาสนาร่วมกันร้อยครั้งได้เพียงแค่เห็นหน้ารู้จักชื่อ ห้าร้อยครั้ง จึงได้มาพบและร่วมเดินทาง พันครั้งถึงจะได้นอนร่วมเตียงกัน"

ด้วยวาจาเท่านี้ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกับลิลลี่ไปแล้ว...

นักธุรกิจคนไทยเคยกล่าวว่า ทำ การค้ากับตะวันตกนั้น ว่าด้วยเรื่องเงินทุนและกฎเกณฑ์ธุรกิจล้วนๆ ทำการค้ากับตะวันออก เบื้องหลังธุรกิจคือวัฒนธรรม และภูมิปัญญาแบบเอเชีย เป็นทุนทางสังคม ที่ประเทศตะวันตกไม่มี และไม่สามารถหยั่งถึงได้ ถ้ามองจากแง่มุมนี้ อาณาจักรเศรษฐกิจของจีน ยังแผ่ขยายต่อไปได้ไม่มี ที่สิ้นสุด มังกรตื่นขึ้นมาเขย่าโลก และศตวรรษที่ 21 ก็เป็นของจีนโดยแท้

กลางดึกที่ถนนนานกิง ผู้คนบางตา ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดเกือบหมด แต่ยังมีคนเดินเรื่อยเปื่อย กลุ่มวัยรุ่น คนต่างชาติ
นักเดินทาง คนงาน แม่ที่อุ้มเด็กขอทาน แม่ค้าหาบเร่กับมังคุดและเงาะที่เหลืออยู่ในกระจาด กำลังเร่ขายให้กับนักท่องเที่ยว ยามนี้ ความเคลื่อนไหวของถนนนานกิง ลดอัตราเร่งลงมาอยู่ใน Slow motion mode หอไข่มุกสุกสว่างที่มองเห็นอยู่ไกลๆ ก่อนหน้านี้ก็ดับไฟลงแล้ว เหลือแต่ดวงไฟเล็กๆ ที่ทำให้เห็นเค้าโครงของทาวเวอร์ และการทำงานของสถานีส่งสัญญาณ CCTV ที่ยังคงส่งข่าวสารไปยังประชากรเกือบ 1,300 ล้านคนของจีน

ภูมิปัญญาเอเชีย ระบบคิดแบบนักปฏิวัติ และ Capital Futurist ที่นครเซี่ยงไฮ้ กำลังหลอมรวมกันเพื่อสร้างเมืองสายพันธุ์ใหม่ของโลกแห่งอนาคต ที่ทุกคน จับตามองด้วยความสนใจยิ่ง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us