Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2545
ผู้นำด้านพลังงานและวิศวกรรมของโลก             
 





เดนมาร์กเป็นประเทศที่ทั่วโลกยอมรับในวิชาการด้านวิศวกรรม โดยเฉพาะการต่อเรือ ซึ่ง Ove Arup ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทวิศวกรรมใหญ่ที่สุดในโลก และมีบทบาทสำคัญในโครงการก่อสร้างสะพานข้ามช่องแคบ Sound ด้วย

นอกเหนือจากนี้ เดนมาร์กยังเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีกังหันลมใหญ่อันดับ 2 ของโลก เป็นรองเฉพาะเยอรมนีเท่านั้น เทคโนโลยีกังหันลมจึงเป็นอุตสาหกรรมทำเงินเข้าประเทศเป็นอันดับ 3 เลยทีเดียว เพราะเดนมาร์กมีสภาพภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการทดสอบการทำงานของกังหันลม จากการที่มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลมากมาย และมีกระแสลมแรงตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งวิจัยและพัฒนาของอุตสาหกรรมกังหันลมระดับแถวหน้าของโลก แม้แต่สหรัฐ อเมริกาก็ยังเป็นลูกค้านำเข้ากังหันลมรุ่นแรกที่ผลิตป้อนตลาดโลกในช่วงต้นทศวรรษ 1980

และข้อเท็จจริงอันหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครล่วงรู้กันนักก็คือ ปัจจุบันพลังลมที่นำมาใช้เป็น พลังงานในทั่วโลกนั้น 55% ใช้เทคโนโลยีที่ออกแบบโดยเดนมาร์ก โดยตลาดกังหันลมอยู่ในมือของ 4 บริษัทสำคัญคือ เวสตัส ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ตามด้วย โบนุส, เอ็นอีจี ไมคอน และนอร์เด็กซ์

เดนมาร์กเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการปรับตัวต่อปัญหาวิกฤติ การณ์พลังงานที่เกิดขึ้นทั่วโลกในทศวรรษ 1970 ได้อย่างรวดเร็ว โดยเน้นลงทุนและออกกฎหมายที่ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรพลังงานแบบยั่งยืน ซึ่งต่อมาเมื่อรัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับแล้วว่า พลังลมเป็นพลังงานแบบยั่งยืนแน่นอน เดนมาร์กสามารถขยายอุตสาหกรรมพลังลมมูลค่าหลายพันล้านโครเนอร์ได้ทันที

เดนมาร์กยังเน้นการลงทุนเพื่อบรรลุนโยบายของประเทศในระยะยาว คือ ลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลงให้ได้ 50% ในปี 2030 ตัวอย่างรูปธรรมในกรณีนี้คือ การก่อตั้งศูนย์ Solar Energy Centre ที่ทาสทรุปในปี 1981 โดยทุ่มงบให้ถึงปีละ 50 ล้านโครเนอร์ และเน้นบูรณาการเชิงสถาปัตยกรรมด้านแผงพลังงานแสงอาทิตย์รวมทั้งงานติดตั้งโครงการ ขนาดใหญ่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us