|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
BAT-3K ยืนยันตรึงราคาขายแบตเตอรี่สำหรับลูกค้าภายในประเทศออกไปจนถึงสิ้นปี มั่นใจไม่กระทบรายได้รวมของบริษัทที่คาดว่าจะมียอดขายทะลุ 2 พันล้านบาท เนื่องจากสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3 แสนลูกต่อเดือน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง โดยที่ไม่จำเป็นต้องขยับราคาขายในประเทศ ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3 แย้มขยับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นางสาววีรวรรณ ขอไพบูลย์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปบริหาร บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) (BAT-3K) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงยืนยันที่จะไม่ปรับราคาขายแบตเตอรี่ในประเทศไปจนถึงสิ้นปี 2547 เพื่อช่วยเหลือลูกค้า แม้จะได้รับผลกระทบจากราคาตะกั่ว และพลาสติกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจาก บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตจาก 2.5 แสนลูกต่อเดือน เป็น 3 แสนลูกต่อเดือน จากการขยายสายการผลิตที่เดิมคาดว่าจะสามารถผลิตได้ในต้นปีหน้า แต่สามารถผลิตได้ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลงได้ ซึ่งทำให้ยังสามารถตรึงราคาแบตเตอรี่ไปจนถึงสิ้นปีได้
ในไตรมาส 3 เราได้เพิ่มการผลิตจาก 2 แสนลูกเป็น 2.5 แสนลูก และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 3 แสนลูกในต้นปีหน้า แต่การที่เราสามารถผลิตได้ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรับราคาในขณะนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าในประเทศ ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 50% ขณะที่ลูกค้าต่างประเทศมีสัดส่วน 50% เช่นเดียวกัน
สำหรับการปรับราคาขายแบตเตอรี่ในประเทศในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการขยับราคาขึ้น 2 ครั้งๆ ละ 6% เพื่อลดภาระต้นทุนตะกั่วและพลาสติกที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยปัจจุบันราคาตะกั่วปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากที่ ต้นปี 2546 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเท่านั้น
นางสาววีรวรรณกล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ที่เตรียมประกาศออกมามีแนวโน้มสดใสเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2547 ทั้งปี คาดว่าจะมียอดขายสูงกว่า 2 พันล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการเพิ่มกำลังการผลิตได้สูงกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ โดยในปี 2546 บริษัทมียอดขายประมาณ 1.8 พันล้านบาท
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า ยอดขายแบตเตอรี่ของ BAT-3K ในปี 2547 คาดว่าจะขยายตัวสูงถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 2,172 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการเพิ่มราคาขายเฉลี่ยปีนี้ราว 16% ประกอบกับการที่บริษัทมีส่วนแบ่งในตลาด REM (ตลาดทดแทน) เป็นอันดับ 2 รองจาก GS ประมาณ 27% ซึ่งทำให้ BAT-3K ได้รับประโยชน์โดยตรงจากจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเติบโตเฉลี่ยราว 30% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรถยนต์เหล่านี้จะมีความต้องการใช้แบตเตอรี่ทดแทนในปีนี้ (อายุใช้งานของแบตเตอรี่อยู่ประมาณ 2-3 ปี)
ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรีอยุธยา ยังคงแนะนำให้ซื้อหุ้นของ BAT-3K เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากยอดจำหน่ายแบตเตอรี่ในประเทศที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการขยายตัวของยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และ ยังสามารถคงอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับที่น่าพอใจแม้ราคาตะกั่วจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากก็ตาม เนื่องจากบริษัทสามารถผลักภาระส่วนใหญ่ไปให้ลูกค้าได้ และการลดต้นทุนการผลิตภายในบริษัทจากการประหยัดต่อขนาดด้วย
นอกจากนี้ ฐานะการเงินของบริษัทที่ดีมาก และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลในระดับใช้ได้ที่ระดับ 4.05% โดย ณ ราคาปิดที่ 55.50 บาทซื้อขายกันที่ P/E และ EV/EBITDA ที่ต่ำเพียงแค่ 7.49 และ 4.63 เท่า และยังคงราคา เป้าหมายที่ระดับ 74.00 บาท
ขณะที่ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ไซรัส ประเมินว่า ยอดขายในครึ่งปีหลังคาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกของปีนี้เล็กน้อย เนื่องจากตามลักษณะของธุรกิจส่วนใหญ่ไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นสูง โดยคาดว่าครึ่งปีหลังจะมียอดขายประมาณ 1,182 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 52% ของคาดการณ์รายได้สำหรับปี 2547 ที่ 2,266 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2548 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 150 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 7.50 บาท ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2547 คาดว่าจะอยู่ที่ 125 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.25 บาทต่อหุ้น
|
|
|
|
|