"มิ่งขวัญ" ประกาศขายหุ้นอสมท 4 พ.ย.นี้ วันเดียวเท่านั้น รายย่อยจองได้ที่แบงก์กรุงไทยทั่วประเทศ กำหนดช่วงราคา 17-22 บาท พร้อมเทรด 17 พ.ย. มั่นใจระบบสุ่มรายชื่อ การันตีความโปร่งใส ย้ำเน้นกระจายรายย่อยตามมติ ครม. ชูผลการดำเนินงานเติบโตก้าวกระโดด 9 เดือนรายได้โตขึ้น 46% กำไรโตขึ้น 82% วาดอนาคต MCOT สู่สากลภายใต้ยี่ห้อ MCOT TV ขณะที่ราคานอกตลาดซื้อขายที่ 25-30 บาท เตือนนักลงทุนซื้อในตลาดดีกว่าเหตุความเสี่ยงสูง
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 121 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญใหม่ 70 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม 51 ล้านหุ้น ซึ่งจะเสนอขายประชาชน 48.4 ล้านหุ้น เสนอขาย นักลงทุนต่างประเทศไม่เกิน 36 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือ เสนอขายนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยไม่มีการจัดสรรให้ผู้มีอุปการคุณแต่อย่างใด และในส่วนของ ที่ปรึกษาทางการเงินแต่ตั้งบล.ภัทร เป็นที่ปรึกษา และหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันที่ 17 พ.ย. ใช้ชื่อย่อว่า "MCOT"
จะนำเสนอข้อมูลหรือโรดโชว์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 พ.ย. ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ส่วนในต่างประเทศมีฮ่องกง และสิงคโปร์ ในวันที่ 4-5 พ.ย. และจะเปิดให้นักลงทุนสถาบันจองได้ในวันที่ 8-11 พ.ย.
ทั้งนี้ กำหนดช่วงราคาเสนอขายที่ 17-22 บาท ประชาชนสามารถจองซื้อผ่านธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศได้ในวันที่ 4 พ.ย. เพียงวันเดียว ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. โดยจะใช้วิธีสุ่มเลือกผู้ที่ได้รับจากจัดสรรในวันที่ 8 พ.ย. และเพื่อความโปร่งใส จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของตลาดหลักทรัพย์ก่อนประกาศรายชื่อในวันที่ 9 พ.ย.
ผู้จองจะต้องจ่ายเงินค่าหุ้นในราคา 22 บาท ซึ่งหากราคาที่แน่นอนประกาศออกมาในวันที่ 8 พ.ย. ต่ำกว่าราคาที่จองซื้อ ธนาคารจะคืนเงินส่วนต่างภายใน 14 วัน นอกจากนี้ได้จ่ายเงินปันผล 0.50 บาทต่อหุ้นในช่วงเดือนม.ค.ในส่วนของเรื่องการจัดสรร หุ้นจะจัดสรรแบบขั้นบันไดตามมติคณะรัฐมนตรีทั้งนี้ อสมท ถือได้ว่าเป็นรัฐวิสาหกิจรายแรกที่มีการเสนอขายหุ้นตามมติคณะรัฐมนตรีและเป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจ รายที่ 2 ต่อจากหุ้นท่าอากาศไทยที่เข้าตลท.
โดยจะมีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 1) กลุ่มผู้จองซื้อระหว่าง 500-4,500 หุ้น 2)จองซื้อระหว่าง 4,501-27,000 หุ้น และ 3) จองซื้อเกินกว่า 27,000 หุ้นขึ้นไปจะได้รับจากจัดสรรจากกลุ่มที่จองซื้อน้อยก่อน โดยในส่วนของคณะกรรมการที่จะเข้ามาดูแลในเรื่องการสุ่มจะมาจาก 6 องค์กรเพื่อความเป็นธรรม ในการจัดสรร คือ 1. คณะกรรมการ ก.ล.ต. 2. คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ 3.ผู้แทนจากสำนักรัฐวิสาหกิจ กระทวงการคลัง 4. ผู้แทนจากธนาคารกรุงไทย 5. ผู้บริหารจากบล.ภัทร 6. ผู้บริหาร อสมท นอกจากนี้ในส่วนของหุ้นจัดสรรส่วนเกิน (กรีนชู) จะมีการจัดสรรไม่เกิน 18 ล้านหุ้น
2 ปีปั้นอสมทขึ้นผู้นำธุรกิจสื่อ
นายมิ่งขวัญ กล่าวต่ออีกว่า การเข้ามารับตำแหน่งผู้นำองค์กรในช่วง 2 ปี 2 เดือนที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หลายอย่างในองค์กร เพื่อนำสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจสื่อสารมวลชน ที่ครอบคลุมทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือ ออนไลน์ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ด้วยมุ่งหมายที่สำคัญเพื่อก้าวไปสู่การเป็น "สังคมอุดมปัญญา" หรือการให้ความบันเทิงบนสาระ โดยขณะนี้ได้จับมือกับ 37 สำนักข่าว และ 50 พันธมิตร รวมถึงการร่วมกิจการกับโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และ UBC เพื่อผลักดัน องค์กรให้ไปสู่สากลมากขึ้นพร้อมรองรับการก้าวสู่การแข่งขันในระดับโลก
โดยจุดเด่นที่สำคัญของ อสมท ณ วันนี้ เรื่องโครงสร้างที่พร้อมรองรับการเจริญเติบโต ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับองค์กรหลักในส่วนของโทรทัศน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนสิ้นสุด 30 ม.ย. 47 มีรายได้รวม 2,015 ล้านบาท กำไรสุทธิ 823 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 46 รายได้ 1,381 ล้านบาท กำไรสุทธิ 453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% และ 82% ตามลำดับ ซึ่งเมื่อพิจารณารายได้ในช่วง 27 ปีที่ผ่านมาถือว่ารายได้ 9 เดือนแรกของปี 47 โตสูงกว่ารายได้ทั้งปีของทุกปี ในส่วนของรายได้จากโทรทัศน์ที่ขณะนี้มีรายได้ประมาณ 63% ของรายได้รวม โดยเฉลี่ยการเติบโตของราคาได้ในช่วงปี 4-46 จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12% แต่ในช่วง 9 เดือนแรก 46 เมื่อเทียบปับช่วงเดียวกันปี 47 โตขึ้น 79% จาก 699 ล้านบาทในปี 46 เป็น 1,253 ล้านบาทในปี 47
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการโฆษณาทางโทรทัศน์โตเฉลี่ย 16% ในปีนี้ สำหรับรายได้ในส่วนของวิทยุที่มีสัดส่วนของรายได้ประมาณ 15% ของรายได้รวม ก็มีการเติบโตขึ้นในระดับ 28% จากปี 46 ที่ระดับ 241 ล้านบาทมาเป็น 309 ล้านบาทในปี 47 โดยในสิ้นปีนี้ อสมท จะได้รับสัมปทานคลื่นวิทยุในกรุงเทพฯคลื่นอีกอย่างน้อย 6 สถานี ประกอบด้วย 95.0, 96.5, 97.5, 99.0, 100.5 และ 107.0 ซึ่งจะทำให้รายได้ในส่วนวิทยุมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ทั้งนี้ ตั้งเป้าที่จะขยายสัดส่วนของรายได้ทั้งจากโทรทัศน์จาก 63% เป็นไม่ต่ำกว่า 70% และวิทยุจาก 15% เป็นประมาณ 20% ในอนาคต
ปัจจุบันอสมทมีสินทรัพย์รวม 5,652 ล้านบาท โดยมีกระแสเงินสด ณ มิ.ย. 47 กว่า 2.3 พันล้านบาทไม่มีหนี้สิน ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เพื่อเป็นการก้าวสู่การเป็นโทรทัศน์ระดับโลก ภายใต้ชื่อ MCOT Television ที่จะนำเสนอข้อมูลในรูปแบบภาษาอังกฤษ โดยขณะนี้กำลังศึกษาโครงสร้างของธุรกิจอยู่
ซื้อขายนอกตลาด 25- 30 บาท
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท อสมท เปิดเผยว่ามีพนักงานของ อสมท จำนวนหนึ่งที่ขายสิทธิ์ในการจองซื้อหุ้นในส่วนของพนักงานให้กับบุคคลภายนอก ซึ่งสิทธิ์ตรงนี้สามารถทำได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข ส่วนราคาที่มีการตกลงซื้อขายกันนอกตลาดนั้นอยู่ระหว่าง 25-30 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการเจรจาตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการซื้อขายหุ้นนอกตลาดนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยและตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลงสูง ทำให้ผู้จองซื้อหุ้นนอกตลาดมีอัตรา ความเสี่ยงสูงเช่นกัน จึงอยากเตือนให้ผู้ที่ต้องการจองซื้อหุ้น อสมท แต่ไม่สามารถจองซื้อได้ เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แทนเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
พนักงานจาก อสมท รายหนึ่งกล่าวถึงหุ้นที่จัดสรรให้แก่พนักงานว่า ก่อนหน้าที่จะจัดสรรหุ้นนั้น พนักงานยังไม่รู้จำนวนหุ้นที่ได้รับ จึงไม่สามารถเตรียมเงินไว้อย่างเพียงพอเมื่อถึงเวลาปรากฏว่าได้รับ จัดสรรมากกว่าที่เงินสดที่เตรียมไว้ บริษัทจึงมีทางเลือกไว้ให้ 2 ทางคือให้ซื้อเงินสดหรือกู้เงินจากธนาคาร โดยอสมทจะดำเนินการด้านเงินกู้ให้พนักงานบางราย ที่ไม่มีเงินสดเพียงพอจึงนำหุ้นที่ได้รับจัดสรรไปขายให้แก่พนักงานคนอื่นแทนในราคาที่ตกลงกัน ส่วนคนนอกก็คาดว่าน่าจะสนใจเข้ามาติดต่อซื้อหุ้นกับพนักงานเช่นกัน เพราะการใช้วิธีแรนดอมนั้นโอกาสที่จะได้หุ้นมีน้อยจึงต้องหาวิธีเพื่อที่จะซื้อหุ้นให้ได้
|