Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 ตุลาคม 2547
"SCIB" ครองแชมป์กำไรสูงสุด 147%สำรองเข้ม-ทีพีไอหนุนงบฯแบงก์สวย             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารนครหลวงไทย

   
search resources

ธนาคารนครหลวงไทย, บมจ.
Banking




แบงก์นครหลวงไทยแชมป์กำไรสุทธิงวด 9 เดือนเติบโตสูงสุดในระบบ 147% ด้านกรุงไทยแรงไม่ตกหลังแบงก์ชาติสั่งสำรองเข้ม โชว์กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านหรือเติบโต 77% ระบุระบบแบงก์มีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง ชี้เกณฑ์สำรองเข้มของแบงก์ชาติไม่กระทบผลกำไร-ขาดทุนของแบงก์ทั้งระบบ เพราะมีสำรองส่วนเกินเฉลี่ยทั้งระบบ 70% เกินมาตรฐานสากลที่สำรองเพียง 50% มั่นใจทีพีไอโอนกลับเป็นหนี้ปกติได้ทันในงบสิ้นปีแน่

ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบงวด 9 เดือนปี 2547 ปรากฏว่า ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบสามารถมีผลประกอบการที่เป็นกำไรสุทธิประมาณ 64,248 ล้านบาท เทียบกับกำไรในงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลประกอบการประมาณ 20,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 35,157 ล้านบาท โดย ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด มีผลประกอบการที่เป็นกำไรเติบโตสูงที่สุดในระบบประมาณ 147% มีกำไรเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน รองลงมา เป็นธนาคารกรุงไทย ที่มีผลกำไรประมาณ 10,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 4,582 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 77%

สำหรับธนาคารเอเชียนั้น มีกำไรลดลงมากถึง 1,065 ล้านบาทหรือลดลง 73% เทียบจากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการตั้งสำรอง เพิ่มขึ้น สำหรับธนาคารทหารไทยนั้น ถือว่ามีกำไรที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการในงวดไตรมาส 3 เป็นผลการดำเนินงานรวมของธนาคารดีบีเอสไทยทนุกับบรรษัทอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที)

นางอังคณา สวัสดิ์พูน ผู้ช่วย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์เริ่มมีกำไรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่งวดสิ้นปีที่ผ่านมา และในช่วง 9 เดือนนี้ระบบธนาคาร พาณิชย์มีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยประมาณ 38% ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่สูง เนื่องจาก 1.การขยายสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยของทั้งระบบสินเชื่อขยายตัวประมาณ 7-8% นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพทั้งสิ้น

ปัจจัยที่ 2.คือ ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในงวดไตรมาสที่ 4 ของ ปี2547 นี้ เชื่อว่ากรณีของบริษัทปิโต เคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ซึ่งเป็นเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ น่าจะมีข้อยุติ และมั่นใจว่าในเดือนธันวาคมนี้จะกลับขึ้นเป็นหนี้จัดชั้นปกติ ส่งผลให้เอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบลดลงอีกมาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเข้ามาตรวจสอบการจัดชั้นลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ซึ่งขณะนี้เชื่อว่าธปท.ได้เข้าไปตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ครบทุกแห่งแล้ว คาดว่าจะได้ผลสรุปภายในต้นเดือนธันวาคม ซึ่งจะเข้ามาในงบผลประกอบการไตรมาสที่ 4 อาจจะมีการจัดชั้นเพิ่มเติมของธนาคารพาณิชย์บางแห่ง คาดว่าจะไม่กระทบกับผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์แน่นอน

สาเหตุที่ไม่กระทบผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์นั้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งมีการตั้งสำรองเกินกว่าเกณฑ์ธปท. กำหนดอยู่แล้วเฉลี่ยมีการตั้งสำรอง ต่อเอ็นพีแอลประมาณ 70% ซึ่งถือ ว่าอยู่ในระดับที่เข้มปลอดภัย ตามปกติมาตรฐานสากลจะมีสำรองส่วน เกินประมาณ 50% เท่านั้น นอกจาก นี้ยังมีเหตุผลจากหนี้ทีพีไอ ที่จะย้อนกลับเข้ามาเป็นหนี้จัดชั้นปกติ ทำให้การเพิ่มสำรองเข้มของธปท. ไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการ กำไรหรือขาดทุนของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ

ส่วนผลประกอบการของธนาคารนครหลวงไทยงวด 9 เดือน ที่เติบโตสูงที่สุดนั้น เป็นผลมาจากการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นประมาณ 24% หรือประมาณ 36,000 ล้านบาท อาจจะสูงกว่าระบบเนื่องจากธนาคารมีฐานสินเชื่อในปีที่ผ่านมาต่ำมาก หรือเทียบจากธนาคารมียอด สินเชื่อคงค้างจากปี 2546 ประมาณ 152,000 ล้านบาท และในเดือนกันยายน 2547 มีสินเชื่อคงค้างประมาณ 188,000 ล้านบาท นอก จากนี้ยังมีต้นทุนของเงินฝากที่ลดลงเหลือเพียง 1.28% และมีรายได้จากส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เป็น 2.3% ซึ่งหักรายได้พิเศษออกแล้ว

ส่วนเอ็นพีแอลของธนาคารมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เดือนกันยายนมีเอ็นพีแอลเหลือประมาณ 8,349 ล้านบาทหรือ 2.67% โดยเป็น ส่วนของทีพีไอประมาณ 650 ล้านบาท หากสามารถปรับเป็นหนี้จัดชั้น ปกติแล้วเอ็นพีแอลของธนาคารจะลดลงเหลือประมาณ 1% ทันที ดังนั้นคาดว่าผลประกอบการในช่วงต่อไปจะมีกำไรและมีอัตราการเติบโตที่สูงต่อเนื่องแน่นอน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us