เมื่อขึ้นจากเรือก้าวเดินผ่านร่มไม้ไปยังเรือนไม้สักทั้งหลัง ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์
แบบไทยๆ ยิ่งสร้างความแปลกตา และที่สำคัญเป็นการเข้ามาใช้บริการสปาในโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก
จากสวนหย่อมเล็กๆ และสนามพัทกอลฟ์ที่ติดกับโรงเรียนการโรงแรมของโอเรียนเต็ลเมื่อ
8 ปีที่แล้ว ถูกหว่านด้วยเม็ดเงินสูงถึง 110 ล้านบาท เพื่อสร้างโอเรียนเต็ล
สปา ในเรือนไม้สักขนาดใหญ่ 3 ชั้น 1 หลัง นับว่าเป็นการลงทุนกับธุรกิจใหม่ในเมืองไทยด้วยงบประมาณที่สูงมากทีเดียว
แต่ก็น่าจะคุ้มค่าเพราะในยุคนี้ สปากลายเป็นสิ่งใหม่ที่จำเป็น และเป็นจุดขายที่สำคัญของโรงแรมใหญ่ไปแล้วทั่วโลก
โอเรียนเต็ล สปา มีห้องที่บริการลูกค้าทั้งหมด 14 ห้อง ห้องที่พิเศษ สุดคือโอเรียนเต็ลสวีท
ซึ่งเป็นห้องชุดเล่นระดับที่สวยงามในบรรยากาศแบบไทยๆ เพิ่มความโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่มองออกไปเห็นสวนหย่อมเล็กๆ
ด้านนอก ที่เต็มไปด้วยดอกกล้วยไม้สีม่วงเข้มตัดกับสีเขียวจัดของใบเฟิร์น
เมื่อเดินขึ้นบันไดเล็กๆ ทางซ้ายมือก็จะมีอ่างน้ำวนขนาดครึ่งวงกลมขนาดใหญ่
จากจุดนี้ก้าวขึ้นบันไดไปอีก 2-3 ขั้นก็จะมีที่นอนขาวสะอาดวางอยู่บนพื้นซึ่งจัดไว้เป็นที่นวด
หากมองด้วยสายตา ทุกห้องของสปาแห่งนี้ถูกจัดเป็นสัดส่วนและ เป็นส่วนตัวมากทีเดียว
เพราะแขกสามารถที่จะทำเกือบทุกโปรแกรมได้ ในแต่ละห้อง แต่สิ่งที่มีความหมายมากกว่าคือ
โปรแกรมต่างๆ ในการนวด
อรวรรณ เชยสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไปของโอเรียนเต็ล สปา เล่าให้ "ผู้จัดการ"
ฟังว่า ทางสปาจำเป็นและใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 4 เดือนต่อปี ในการฝึกอบรม
พนักงานในเรื่องการนวด โดยจะมีสไตล์ของตัวเองที่ได้มาจากการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาที่ผ่านไป
จนทุกอย่างลงตัว
"เช่นเราต้องคิดกันตั้งแต่เริ่มนวดจากจุดไหนก่อน ใช้ท่าอย่างไรให้ต่อเนื่องเพื่อไม่ต้อง
รบกวนแขกให้ลุกนั่ง หรือกลับหน้ากลับหลังกันตลอดเวลา เราจะมีมาตรฐานที่พนักงานนวดจะต้องฝึกและยึดถือเป็นอย่างเดียวกัน
เริ่มตั้งแต่รับแขกเข้าห้อง ทำอย่างไรให้แขกสบาย ไม่ต้องเคอะเขิน ขั้นตอนการทำทรีตเมนต์แขกจะต้องรู้ลำดับในการทำ
พนักงานนวดจะต้องถูกเทรนอย่างดีในการโต้ตอบ ซึ่งจะเราจะมีการจัดให้มีการทดสอบอยู่ตลอดเวลาว่าแขกถามอะไรมา
จะต้องตอบได้"
มาตรฐานที่เกิดขึ้น คือ ข้อมูลที่ได้มาจากการสอบถามแขกตลอดระยะเวลาของการทำ
สปามา 8 ปี และนำมาปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของแขกมากที่สุด
"ทุกอย่างเราต้องฟังความคิดเห็นจากแขกเป็นสำคัญเหมือนการทำอาหารที่เขาจะติชม
รสชาติของเราตลอดเวลา และเราต้องคอยปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับลิ้นเขามากที่สุด
การทำสปาที่ดีก็เหมือนกันต้องให้ความใส่ใจในเรื่องนี้"
โปรแกรมที่ได้รับความนิยม เช่น เดอะ โอเรียนเต็ล สปา 5 ชั่วโมง เป็นออริจินอลไทย
ทรีตเมนต์ มี Herbal Wrap ตามด้วย วอเตอร์ทรีตเมนต์ Balneotherm คือ ขัดตัวแล้วลงแช่อ่าง
ตามด้วยนวดไทย นวดหน้า ใช้ได้ทั้งชายหญิง
Anniversary Celebration ซึ่งถือว่าเป็นยูโรเปี้ยนทรีตเมนต์เป็นรายการที่มีการขจัดสารพิษที่มีอยู่ในร่างกาย
มีการนวดที่ให้ความผ่อนคลาย Essential Oil Massages และการนวดเท้า ทำหน้า
และยังมีโปรแกรมเฉพาะที่จัดให้สำหรับผู้ชายและผู้หญิง คือ Exclusive Madame
และ Exclusive Monsieur
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในสปาแห่งนี้ นอกจากผลิตภัณฑ์นำเข้าแล้วยังมีผลิตภัณฑ์ที่ทางโอเรียนเต็ล
สปา คิดค้นขึ้นมาเองอีกด้วย เช่น น้ำมัน นวดตัว ยี่ห้อ The Oriental Spa
Private Lable ซึ่งสกัดมาจากรากของ "ไพล" ที่มีประโยชน์ต่อผิว และมีคุณสมบัติในเรื่องของการฆ่าเชื้อโรค
ส่วนน้ำมันหอมระเหยจะนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย โดยส่วนใหญ่เป็นโรมานซ์ออยล์
ที่ให้การผ่อนคลาย และน้ำมันที่กระตุ้นเสริมสร้าง พลังให้ร่างกาย เช่น โรสแมรี่
"มาที่นี่ แขกเลือกที่จะใช้ทรีตเมนต์ที่ทำจากสมุนไพร เพราะนี่คือความแตกต่างที่หาไม่ได้ในบ้านของเขา
เขาก็อยากลอง ดังนั้น แนวความคิดหลักของเราคือ เราต้องการขายนวดไทย เพื่อให้แขกรู้ว่าโอเรียนเต็ล
สปา เป็นอย่างไร แต่ถ้าแขกอยู่หลายวัน อาจจะเสนอขายทั้งนวดไทยและฝรั่งคละกันไป"
แขกส่วนใหญ่ของโอเรียนเต็ล สปา 80 เปอร์เซ็นต์มาจากโรงแรมโอเรียนเต็ล จะเป็นแขกจากโรงแรมอื่นๆ
อีก 15 เปอร์เซ็นต์ และเป็นแขก ในเมืองไทยเองเพียง 5 เปอร์เซ็นต์
ยามบ่ายวันหนึ่งกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา สิ่งที่ "ผู้จัดการ" เห็นก็คือ
เกือบทุกห้องในโอเรียนเต็ล สปา หน้าห้องถูกคล้องด้วยพวงมาลัย ดอกมะลิสดเอาไว้
ซึ่งหมายความว่าในห้องนั้นกำลังมีแขกใช้บริการ ห้ามรบกวน