|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"เชอร์วู้ด" ลุ้นไม่ขึ้นเทรดวันแรกเหนือจอง 3 นาที ก่อนปิดตลาด 19 บาท ต่ำกว่าจอง 5% ผู้บริหารชี้นักลงทุนขายหุ้นทดสอบแนวรับ ด้านที่ปรึกษาทางการเงินยืนยันราคาไอพีโอไม่แพงมีส่วนลด 20% โบ้ยนักลงทุนไม่ศึกษาข้อมูลก่อนซื้อหุ้น ขณะที่ตัวเลขงบครึ่งปีกำไรหด 32.04% เตรียมปรับเป้ารายได้ปีนี้ลงจากโต 25% เหลือแค่ 5% ส่วนภาพรวมตลาดวอลุ่มบางเหลือหมื่นล้านบาท ฝรั่งกลับลำซื้อสุทธิ 300 กว่าล้าน
เมื่อวานนี้(18 ต.ค.) หุ้นบริษัท เชอร์วู้ด เคมิคอล (SWC) เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) เป็นวันแรกโดยราคาเปิดที่ระดับ 21.60 บาทสูงกว่าราคาจองที่กำหนดไว้หุ้นละ 20 บาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 21.70 บาท ซึ่งสามารถยืนอยู่เหนือ ราคาจองได้เพียง 3 นาทีเท่านั้น ก่อนจะถูกแรงขายทำกำไรออกมาจนทำให้ราคาอ่อนตัวลงและต่ำกว่าราคาจองโดยราคาลงมาต่ำสุดที่ 18.60 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 19 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 1 บาท คิดเป็น 5% มูลค่าการซื้อขาย 156.61 ล้านบาท
นายพงศกร เที่ยงธรรม กรรมการผู้จัดการสายงานทุนธนกิจและตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินหุ้นบริษัทเชอร์วู้ด เคมิคอล เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาต่ำกว่าราคาจองนั้นอาจจะเกิดจากแรงเทขายทำกำไรเพราะช่วงเปิดตลาดราคาปรับตัวสูงกว่าราคาจองซึ่งส่งผลกระทบทำให้บรรยากาศการซื้อขายไม่ดีประกอบกับนักลงทุนส่วนหนึ่งที่เข้ามาซื้อขายอาจจะไม่ได้ศึกษาข้อมูลของบริษัทก่อนที่จะเข้ามาซื้อ
ทั้งนี้ ราคาที่กำหนดไว้หุ้นละ 20 บาทถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมไม่แพงเกินไปโดยจะมีค่าพี/อี เรโชประมาณ 8 เท่า และในปีหน้าจะมีค่าพี/อี เรโชลดลงเหลือ 7 เท่าโดยระดับราคาดังกล่าวถือว่ามีส่วนลดประมาณ 20% สูงกว่าปกติที่จะมีส่วนลดประมาณ 15% โดยจะเห็นได้จากบทวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ที่ประเมินว่าราคาหุ้นเชอร์วู้ดที่เหมาะสมอยู่ที่ระดับ 24-25 บาท
"นักลงทุนหลายคนคงจะไม่รู้ว่าเชอร์วู้ด มีราคาพาร์หุ้นละ 5 บาท ดังนั้น เมื่อกำหนดราคาจอง 20 บาท จึงมองว่าแพง แต่ถ้าพิจารณาจากราคาพาร์ที่ 1 บาทนั้น ราคาเชอร์วู้ดจะอยู่ที่ระดับ 4 บาท เท่านั้น ประกอบกับช่วงที่ผ่านมานักลงทุนจะสนใจซื้อขายในหุ้นที่ราคาต่ำกว่าระดับ 10 บาท" นายพงศกร กล่าว
นายวรสิทธิ์ เคหะเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเชอร์วู้ด เคมิคอล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าจองในวันแรกเนื่องจากเป็นอารมณ์ของตลาดที่ต้องการจะทดสอบว่าราคามีแนวรับเป็นอย่างไรซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลในช่วงสั้นๆ เท่านั้น หลังจากนั้นราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นมาในระดับราคาจองได้ เพราะกำหนดราคาที่ไม่สูงเป็นระดับราคา ที่มีส่วนลดเพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนประ-มาณ 20% และเชื่อว่านักลงทุนที่เข้ามาซื้อในช่วงนี้มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมปรับเป้าหมายการเติบโตของบริษัทลง จากช่วงต้นปี 2547 ได้คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ประมาณ 25% แต่เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้ประชาชนได้ลดการซื้อสินค้าเพื่ออุปโภคลง ทำให้คาดว่าในปีนี้อัตราเติบโตของรายได้จะอยู่ที่ 5% เท่านั้น
ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% ส่วนหนึ่งจะมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะออกเสนอขาย การระดมทุนในครั้งนี้ทำให้สามารถรองรับการขยายงานของบริษัทได้ประมาณ 1-2 ปี โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก และบริษัทยังไม่มีแผนที่จะแตกพาร์ให้ลดเหลือ 1 บาทแต่อย่างใดเนื่องจากเห็นว่าระดับราคาหุ้นในปัจจุบันเหมาะสมกับพื้นฐานแล้ว นอกเสียจากราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นประมาณ 50-60 บาทหลังจากนั้นจึงค่อยพิจารณาที่จะแตกพาร์
ด้านผลประกอบการในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2547 บริษัทมีกำไรสุทธิ 6.65 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.15 ล้านบาท ส่วนในงวด 6 เดือนแรกของปี 2547 มีกำไรสุทธิ 23.45 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.30 บาท กำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.51 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.88 บาท คิดเป็น 32.04%
นายวรสิทธิ์ กล่าวว่า สาเหตุที่กำไรของ SWC ปรับตัวลดลงเนื่องจากบริษัทได้ใช้เงินเพื่อเป็นงบประมาณในการโฆษณาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเห็นว่ากำลังซื้อเริ่มจะชะลอตัวลง จึงมีการใช้งบโฆษณากระตุ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วการใช้งบประมาณในการโฆษณาคงไม่แตกต่างจากปีก่อนมากนัก เพราะในปีที่แล้วบริษัทมีการใช้งบโฆษณามากในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (18 ต.ค.) ดัชนีปรับตัวในกรอบแคบๆตลอดทั้งวัน โดยปิดตลาดที่ 646.51 จุด ลดลง 1.97 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง 10,078.04 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 385.00 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 177.95 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 562.95 ล้านบาท
นายสิทธิพร เจนในเมือง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยู โอ บี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดถูกปกคลุมด้วยปัจจัยลบ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นไปเหนือระดับ 55 เหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีโอกาสที่จะขึ้นไปแตะ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ นอก จากนั้นการที่สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลงไปกว่า 40 จุด ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าดัชนีอาจจะปรับฐานลงได้อีกครั้ง
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า นักลงทุนยังกังวล กับปัจจัยลบเรื่องราคาน้ำมัน และยังรอฟังข่าวการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ด้วยว่า ผลการประชุมจะออกมาเป็นเช่นไร ซึ่งคาดว่าจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25%
|
|
|
|
|