|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
BGH เตรียมผุดโรงพยาบาลแห่งใหม่ในต่างประเทศ ด้วยงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท คาดดีลนี้สรุปได้ปีนี้และก่อสร้างได้ปีหน้า ขณะที่การสวอปหุ้นกับ รพ.สมิติเวช รพ.กรุงเทพหาดใหญ่ และรพ.กรุงเทพภูเก็ต คาดดำเนินการได้เดือนนี้และเสร็จเดือนหน้าพร้อมเดินหน้าลุยลงทุนตามแผน
นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ วิทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) (BGH) เปิดเผยว่า ก่อนสิ้นปี 2547 BGH จะสรุปเรื่องการเจรจากับพันธมิตรร่วมทุน (พาร์ตเนอร์) เพื่อร่วมทุนก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ในย่านเอเชียเพิ่มอีก 1 แห่ง ซึ่งได้เจรจากันมาก่อนหน้านี้แล้วระยะหนึ่ง โดยบริษัทต้องการเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ขนาด 100 เตียง มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศก็ถือว่าไม่แน่เพราะอาจยืดเยื้อได้ เนื่องจากระยะเวลาในการศึกษาคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง โดยเงินที่ใช้ในการลงทุน BGH จะใช้เงินทุนหมุนเวียนที่ได้จากการดำเนินงาน
"เราไม่จำเป็นต้องระดมทุน เพราะมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอต่อการลงทุน ซึ่งลงทุนไม่เกินพันล้าน เรายังมีกำลังพอที่จะลงทุนได้ แต่หลังจากนี้เราอาจต้องชะลอลงบ้าง ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราเข้าไปเทกโอเวอร์โรงพยาบาลที่เราร่วมถือหุ้นอยู่มาเป็นของเรา ซึ่งดีลนี้จะสรุปได้ปีนี้และดำเนินการได้ต้นปี 2548"
สำหรับการเข้าไปลงทุนครั้งนี้ เพราะสถานการณ์ความต้องการรักษาโรคของคนไข้มีมากขึ้น และกำลังทรัพย์ที่มั่นใจว่าจะต้องมีผู้ป่วยหันมารักษามากขึ้น และเมืองที่จะผุดโรงพยาบาลแห่งใหม่นี้พบว่าประชาชนมีความต้องการที่จะรักษาโรคป่วยไข้ด้วย
นายแพทย์พงษ์ศักดิ์กล่าวถึงแผนการควบรวมกิจการของบริษัทกับบริษัทโรงพยาบาลสมิติเวช จำกัด (มหาชน) (SVH) รวมทั้งโรงพยาบาลกรุงเทพ หาดใหญ่ จำกัด และโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จำกัด ที่ BGH เข้าไปเทกโอเวอร์มาเพื่อรวมกิจการ เข้าด้วยกันนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการกับสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นจึงจะสวอปหุ้นกันระหว่างโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 แห่ง
สำหรับอัตราส่วนสำหรับหุ้นของสมิติเวช เท่ากับ 1 หุ้นใหม่ของบริษัท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อ 0.50 หุ้นของสมิติเวช มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท (หรือเท่ากับ 2 หุ้นใหม่ของบริษัท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อ 1 หุ้นของสมิติเวช มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท)
ขณะที่อัตราส่วนสำหรับหุ้นของ รพ.กรุงเทพหาดใหญ่ เท่ากับ 1 หุ้นใหม่ของบริษัท มูลค่าที่ ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อ 1.66 หุ้นของ รพ.กรุงเทพหาดใหญ่ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท และอัตราส่วนสำหรับหุ้นของรพ.กรุงเทพภูเก็ต เท่ากับ 1 หุ้นใหม่ของบริษัท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อ 1.48 หุ้นของ รพ.กรุงเทพภูเก็ต มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท บริษัทจะดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นของสมิติเวช รพ.กรุงเทพหาดใหญ่
สำหรับการแลกหุ้นครั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หลังดำเนินการดังกล่าวได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. แล้ว
นอกจากนี้ หลังการรวมกิจการของโรงพยาบาล ในประเทศแล้ว BGH จะเดินหน้าเพื่อขยายกิจการธุรกิจโรงพยาบาลในประเทศเพื่อนบ้านก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะเดินหน้าขยายให้กว้างออกไปอีกในอนาคต
สำหรับปีนี้ BGH ตั้งเป้าการดำเนินงานไว้ที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท และมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจาก 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัททำรายได้ เกินกว่าเป้าหมายตามที่ตั้งไว้แล้ว ส่วนปี 2548 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการเทกโอเวอร์กิจการโรงพยาบาลในเครือมาแล้วและรวมกันจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก
ล่าสุด บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท คูลแอนด์ จอย จำกัด ซึ่งได้เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 1 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ BGH ถือหุ้นในบริษัท คูลแอนด์จอย จำกัด รวมทั้งสิ้น 150,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านบาท หรือ 30% ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วของบริษัทดังกล่าวที่มีการเพิ่มทุนแล้ว จากเดิมที่บริษัทถือหุ้นในบริษัท คูลแอนด์จอย จำกัด 100%
นายแพทย์พงษ์ศักดิ์กล่าวอีกว่าคณะกรรมการ บริษัทมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินกู้ อีกจำนวน 50.0 ล้านบาท ให้แก่บริษัท เพชรบุรีตัดใหม่การแพทย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 99.93% โดยมีเงื่อนไขวงเงินทั้งหมดสรุปดังนี้คือ วงเงินกู้ทั้งหมดเพิ่มจาก 100 ล้านบาท เป็น 150.0 ล้านบาท (ภาระหนี้ ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2547 เท่ากับ 100 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ยเท่ากับต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของบริษัทบวกไม่เกิน 1% ชำระดอกเบี้ยทุกเดือนและ ระยะเวลา 3 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ของวงเงินกู้เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลหัวใจ
|
|
|
|
|