Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2545
Enron ร่วงบทเรียนบริหาร "มหาบริษัท" หรือ จุดจบของความโลภ?             
 

   
related stories

Layoff.com เปลี่ยน Layoff ให้เป็นโอกาส

   
search resources

ENRON




จนถึงปีที่แล้ว กลุ่ม Enron ยังคงครองตำแหน่งบริษัทใหญ่อันดับ 7 ของอเมริกา และบริษัทค้าพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก รับผิดชอบตลาดพลังงานไฟฟ้าและแก๊สราว 20 เปอร์เซ็นต์ในทวีปอเมริกาเหนือ พร้อมทั้งมีการลงทุนด้านอื่นๆ และการร่วมทุนหลากหลายด้านทั่วโลก

ถึงวันนี้ บริษัทล้มละลาย สร้างความเสียหายระเนระนาดต่อลูกจ้าง ตลาดหุ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯ กระทั่งคองเกรสต้องเปิดสภาซักฟอกผู้บริหารบริษัท และพิจารณาการตั้งข้อหาอาชญากรรม

บริษัทอายุสั้นๆ เพียง 15 ปี เคยเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการ จับธุรกิจที่มั่นคงอย่างธุรกิจน้ำมัน และพลังงาน และเคยเป็นตัวอย่างของวิสัยทัศน์ธุรกิจใหม่ เช่น การเป็นพ่อค้าคนกลางน้ำมัน

Enron ก่อตั้งโดยการรวมตัวของบริษัทแก๊สธรรมชาติ Inter North และบริษัทเดินท่อในเท็กซัส โดย Kenneth L. Lay หนุ่มนัก บริหาร ปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ จับมือกับ Jeffrey Skilling พ่อมดการเงินมือฉกาจ จากบริษัทการเงิน ทั้งสองขยายบริษัทขายแก๊สธรรมชาติ มาเป็นบริษัทคนกลาง ทำหน้าที่หาผู้ซื้อและผู้ขายแก๊ส ธรรมชาติ ที่มีความต้องการตรงกัน

ถึงวันนี้ Enron เป็นตัวอย่างของบริษัทมหาชนที่ฉ้อฉลตลาด หลักทรัพย์และนักลงทุน ผู้บริหารกอบโกยพันล้านดอลลาร์เข้ากระเป๋า สร้างกำไรต่อหุ้นลวงนักลงทุนมาตลอด 5 ปี

การยักยอกถ่ายผลขาดทุนไปยังบัญชีอื่นๆ โดยการตั้งบริษัทลูก ที่ทำรายได้และกำไรลวง ให้บริษัทแม่ ยังเป็นช่องทางให้กรรมการ และลูก จ้างระดับสูงของบริษัทได้ค่าตอบแทน ค่าธรรมเนียม หรือค่านายหน้า หลักล้านถึงสิบล้าน และร้อยล้านดอลลาร์ แต่ละครั้ง

พฤติกรรมเหล่านี้กระทำอย่างต่อเนื่อง แต่ปกปิดมิดชิดจากบุคคลภายนอก นักลงทุน และตลาดหลัก ทรัพย์แห่งนิวยอร์ก มาตลอดเวลา ภายใต้การเซ็นรับรองจากบริษัทตรวจสอบบัญชี Arthur Andersen ยักษ์ใหญ่หนึ่งในห้าของบริษัท บัญชีอเมริกา

หุ้นของ Enron ถือเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำและเกรดดีของตลาดหุ้นวอลสตรีท มีราคาพุ่งสูงในปี 1999-2000 สูงสุดถึง 90 ดอลลาร์ต่อหุ้น และในต้นปี 2001 ยังคงเปิดฟ้าปีใหม่อยู่ที่ 83 ดอลลาร์ต่อหุ้น

Enron แถลงรายได้เพิ่มขึ้น 10 พันล้านดอลลาร์ เป็น 40 พันล้านดอลลาร์ ในปี 1999 และเพิ่มขึ้น 60 พันล้านดอลลาร์ เป็น 100 พัน ล้านดอลลาร์ ในปี 2000 ผลกำไรเพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์ ในปี 1998 แต่เพิ่มน้อยกว่า 500 ล้าน ในปี 1999 และ 2000 บริษัทคืนกำไรต่อหุ้น เพียง 6.6 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังเป็นที่มั่นใจของนักลงทุนในความมั่นคงของบริษัท

Jeffrey Skilling ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท และ CEO ของบริษัทในช่วงนั้น แถลงว่าหุ้นของบริษัทมีมูลค่าจริงสูงถึง 126 ดอลลาร์ พร้อมทั้งยังคุยโวถึงการนำบริษัทเข้าสู่อันดับโลก

หุ้นของบริษัทเริ่มดิ่งลง อันเนื่องมาจากข่าวเกี่ยวกับการขาด ทุนของกลุ่มบริษัท ในธุรกิจการสื่อสาร ภาพ และเสียงตามสาย หรือธุรกิจบรอดแบรนด์ เริ่มแพร่สะพัด และปัญหาการขาดแคลนพลังงาน ในแคลิฟอร์เนีย มีผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย

Jeffrey เป็นผู้นำในการพาบริษัทไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ไม่จำกัดขอบเขต Enron ทำสัญญาร่วมทุนถึง 8,000 โครงการ ครอบคลุมธุรกิจ สารพัน ตั้งแต่ธุรกิจเงินทุน, ธุรกิจที่ปรึกษาทางการทำธุรกิจ, ธุรกิจค้า โลหะ, ธุรกิจกระดาษ, ธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจการสื่อสารบรอดแบนด์

Enron ยังเป็นต้นแบบธุรกิจที่ไม่มีใครเหมือน เช่น ธุรกิจ Weather Risk Management ในแนวคิดที่ว่า บริษัทบางแห่งทำธุรกิจ ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ และ Enron ช่วย ส่งข้อมูลอย่างละเอียดของสภาพอากาศ ทิศทางลม อุณหภูมิ เพื่อที่บริษัทลูกค้าจะได้ปรับตัวได้ เช่น เตรียมปรับอุณหภูมิของสถานที่ให้เย็นลง หรือร้อนขึ้น เพื่อการเก็บรักษาสินค้าหรือลูกค้าในกลุ่มบริษัท ประกันภัย ที่จะได้รับทราบสภาพอากาศ เพื่อการเตรียมรับหากเกิดหายนะทางธรรมชาติ

Jeffrey เข้ารับตำแหน่ง CEO บริษัทในช่วงสั้นๆ ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคม ช่วงระหว่างนั้น Jeffrey ให้เหตุผลในการ ลาออกว่าต้องการอยู่กับครอบครัว เขาขายหุ้น 16 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลานั้น

Kenneth Lay กลับเข้ามารับตำแหน่งแทนควบคู่กับตำแหน่ง ประธานที่ครองอยู่แล้ว เดือนต่อมา Kenneth Lay นำ Enron เข้าสู่การเจรจาขายบริษัทต่อ Dynegy บริษัทค้าพลังงานขนาดเล็กกว่า ที่มีฐานอยู่ในเมืองฮิวสตันเช่นกัน เริ่มเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก Dynegy ยังปฏิเสธการร่วมทุน ข่าวว่า Dynegy เห็นรอยโหว่มากมายในระบบบัญชีของ Enron โดยต่อมา ชัค วัทสัน ผู้บริหาร Dynegy ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เงินอีก 1.5 พันล้านดอลลาร์ก็ไม่กู้สถานการณ์ Enron ได้

"ช่างไม่น่าเชื่อว่า พวกเขายังคงเป็นอยู่แบบนี้ได้ Enron ไม่เคย เข้าใจว่าธุรกิจไม่ใช่ตัวเลข และบัญชีสมดุล มันเกี่ยวกับเครื่องหมาย การค้าของคุณ และความมั่นใจที่คุณสร้างได้"

เดือนตุลาคม 2001 ถึงเวลาแถลงการณ์ยอดประจำไตรมาส 3 บริษัทออกรายงาน งบประมาณขาดทุน 618 ล้านเป็นครั้งแรก จากโครงการสื่อสารบรอดแบนด์ โครงการน้ำ และการลงทุนผิดพลาดอื่นๆ พร้อมทั้งลดมูลค่าสินทรัพย์ ที่เป็นหุ้น 1.2 พันล้านดอลลาร์ อันเนื่องมาจากการลงทุนที่ผิดพลาดอื่นๆ

เมื่อคณะกรรมการหุ้นเริ่มจับตาการดำเนินงานของบริษัท คณะกรรมการบริษัทของ Enron เองจัดตั้งทีมสอบสวนภายใน โดยใช้ทีมอาจารย์กฎหมาย และนักกฎหมายการค้า เข้าไปทำการสอบ สวนเรื่องราวในบริษัท

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน Enron ได้รายงานระบุการตรวจ สอบว่า ตัวเลขบัญชีของบริษัทตั้งแต่ปี 1997 ไม่สามารถเชื่อถือได้อีกต่อไป เมื่อมีการ "ทวน" บัญชีใหม่

ถึงเวลานี้ Enron เริ่มมีปัญหาการกู้เงินมาลงทุน จากที่เคยถูกจัดอันดับเป็นลูกค้าเกรดเอ มาก่อน

วันที่ 2 ธันวาคม Kenneth Lay นำบริษัทเข้าขอความคุ้มครองภายใต้กฎหมายล้มละลาย หรือ Chapter 11 ของสหรัฐอเมริกา พนักงาน 5,000 คน จาก 20,000 คน ทั่วสหรัฐอเมริกา ถูกปลดในวันนั้น หนี้สินทั้งหมดที่บริษัทกู้ยืมมา ลงทุน จะถูกแขวนหรือถูกผ่อนปรนให้บริษัทยังทำธุรกิจต่อไปได้หุ้น Enron ดิ่งเหลือเพียงหุ้นละไม่ถึง 1 ดอลลาร์ คณะกรรมการตลาดหลัก ทรัพย์สั่งแขวนการซื้อขายหุ้น Enron

หลังการล้มละลาย Enron ประกาศว่าจะนำบริษัทผ่านวิกฤติไปได้ โดยขั้นแรกได้เงินอุดหนุนจาก UBS Warburg ในเครือ UBS AG เข้าร่วมดำเนินกิจการค้าน้ำมันธรรมชาติและไฟฟ้าในอเมริกาเหนือ อย่างไรก็ตาม Enron ยังมีกิจการและรอยรั่วทางบัญชีอีกมากที่ปิดไม่มิดอย่างที่ว่ามา และคณะกรรมการบริหารบริษัทอาจถูกดำเนินคดีหลังการสอบสวนเสร็จสิ้น


การล้มทันควันของบริษัทชั้นดี และความเสียเปรียบของ พนักงานที่ได้รับเงินทดแทนจำนวนน้อย ขณะสูญเสียสวัสดิการ และเงินสะสมในรูปของบริษัท สะท้อนถึงช่องโหว่ของกฎหมายคุ้มครองแรงงานของสหรัฐอเมริกาเป็นเหตุผลสองข้อแรกที่ทำให้ประธานาธิบดี บุช สั่งทีมตำรวจสอบสวนกลาง เข้าสอบสวนเรื่องนี้ เพียงไม่นานก็พบ เงื่อนงำที่แสดงให้เห็นว่า Enron อาจเป็นอาชญากรรมฉ้อฉลเงินมหาชนในตลาดหุ้นครั้งใหญ่

การสอบสวนขั้นแรกแกะรอยไปที่ Arthur Andersen บริษัทตรวจสอบบัญชี ซึ่งรับเงินค่าตรวจบัญชี ปีละ 52 ล้านดอลลาร์ จาก Enron ทีมสอบสวนพบว่าพนักงานของ Arthur Andersen ได้ทำลายเอกสารบางส่วน "ที่ไม่จำเป็น" ของ Enron ทิ้ง Andersen ได้ทำ การรับผิดชอบด้วยการไล่พนักงานชั้นหัวหน้าออกทันทีที่มีข่าว แต่วันต่อมา Enron ก็ประกาศปลดบริษัทจากการเป็นบริษัทตรวจบัญชี ในข้อหาทำลายเอกสารนั้น

Andersen จะมีส่วนร่วมตกเป็นจำเลยคดีธุรกิจประวัติศาสตร์ นี้หรือไม่ก็ตาม แต่ชื่อเสียงและความเชื่อถือตกลงมาก จากฐานะบริษัทตรวจบัญชียักษ์ใหญ่ หนึ่งในห้าของอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่บริษัทตรวจสอบบัญชี และบริษัทจัดการภาษีเป็นธุรกิจทำเงินอันดับต้นๆ

ข่าวนี้ยิ่งเป็นที่จับตามอง เมื่อสื่อมวลชนรายงานว่า Enron เป็น ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของประธานาธิบดีจอร์จ บุช ที่เคยเรียก Kenneth Lay ด้วยความสนิทสนมว่า "เคนนี่ บอย" แต่พอเกิดคดี ก็เรียกชื่อ เต็มๆ และเลี่ยงที่จะพูดถึงคดีนี้ ในการแถลงเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน

Kenneth Lay เข้าประชุมกับ Dick Cheney ร่วมกับผู้บริหาร บริษัทพลังงานอื่นๆ หลายครั้ง ก่อนการล้มละลาย กฎหมายพลังงาน ใหม่ที่ออกมา ล้วนแต่เอื้อประโยชน์ให้บริษัทพลังงาน และนักการเมือง ส่วนใหญ่ได้รับเงินช่วยหาเสียงจาก Enron มานานปี

25 มกราคม อดีตผู้ช่วยประธานบริษัท คลิฟฟอร์ด แบ็กซ์เตอร์ ถูกพบเป็นศพ กระสุนเจาะศีรษะ ในรถยนต์ห่างจากบ้านสามไมล์ ตำรวจระบุว่าฆ่าตัวตาย โดยมีจดหมายลาตายข้างตัว คลิฟฟอร์ดเป็น หนึ่งในสามระดับบริหารที่เตือนบริษัทเรื่องการลงทุนลวง โดยเขาได้เปรยเรื่องนี้ในเดือนพฤษภาคม ปี 2000 ก่อนตัดสินใจลาออก

ผลการสอบสวนโดยคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะพบว่า Enron มีการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ถึง 3,000 บริษัท และจำนวนมาก บริษัทถือหุ้น 97 เปอร์เซ็นต์การลงทุนเหล่านั้น บางอย่างเป็นการลงทุน จริงที่ผิดพลาด เช่น การทุ่มเงินในธุรกิจข้ามชาติ Dabhol power project ในอินเดีย ที่ขาดทุนอย่างน้อยอีก 1 พันล้าน โครงการ พลังงานในบราซิลที่ขาดทุน 2 พันล้าน และโครงการ Wessex Water ในอังกฤษ โดยการดำเนินงานของพนักงานระดับสูง ค่าตัวแพง

การลงทุนในธุรกิจสื่อสารภาพและเสียงตามสาย หรือบรอดแบนด์เป็นการเสนอวิดีโอถึงบ้านลูกค้าตามสายโทรศัพท์ ตลอดเวลาบริษัทมีเพียงลูกค้าทดลองใช้ ซึ่งไม่ได้จ่ายค่าสมาชิก บางอย่างเป็น การลงทุนที่ต้องสงสัย ด้วยการตั้งบริษัทที่สาม ซึ่งช่วยให้บัญชีของบริษัทแม่สมดุล ทำให้สินทรัพย์ต่อหุ้น หรือ EPS ของบริษัทยังคงมีมูลค่าสูงตลอดเวลาห้าปี

บริษัทแม่สร้างรายได้ และกำไร ด้วยการขายสินทรัพย์ หรือผลพวงของสินทรัพย์ให้แก่บริษัทลูกที่รับซื้อราคาสูง ทั้งที่สินทรัพย์เหล่านั้นไร้คุณภาพ เช่น หุ้นของบริษัทอินเทอร์เน็ต

ส่วนใหญ่บริษัทที่สามซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวโดยใช้เงินกู้จาก Enron และ Enron จะบันทึกดอกเบี้ยเงินกู้เป็นอีกส่วนหนึ่งของรายได้

28% ของรายได้ Enron ในปี 2000 มาจากการขายสินทรัพย์ประเภทหุ้น ให้แก่บริษัทที่สาม ซึ่งบางราย Enron ถือหุ้นใหญ่เองด้วย

กรณีที่พูดถึงกันมาก เพราะชื่อย่อของบริษัท "ลวง" เหล่านั้น ยังตั้งตามตัวละครในหนังดัง StarTrek แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารบางคนเป็นแฟนหนังตัวยงคือ กรณีของ Jedi

Jedi ย่อมาจากโครงการร่วมทุนชื่อ Joint Energy Develop-ment Investments ที่ Enron ร่วมลงทุนกับบริษัทรับจัดการเงิน บำนาญชื่อ California Public Employees Retirement หรือ Calper ในปี 1993 โดยการลงเงินฝ่ายละ 250 ล้านดอลลาร์ Enron ทุ่มเงินทำการซื้อขายหุ้นพลังงาน และลงทุนอื่นๆ ทำรายได้ 23 เปอร์เซ็นต์ ให้ Calper

ในปี 1997 ทั้งคู่จับมือลงทุนในโครงการสอง Jedi II โดยคราวนี้ทั้งคู่ลงทุนฝ่ายละ 500 ล้านดอลลาร์ แต่ Calper ต้องการแลกหุ้นของ Jedi I ในมูลค่า 383 ล้านดอลลาร์ Enron ยินยอม แต่จะรับซื้อเข้าบริษัทไม่ได้ เพราะจะทำให้ผลกำไรหดทันที จึงก่อตั้งบริษัทชื่อ Chewco Investments ตามชื่อตัวละคร Chewbacca the Wookiee เพื่อซื้อหุ้นก้อนนี้

บริษัทใหม่ Chewco ก็ไม่มีเงิน 383 ล้านดอลลาร์ Enron เป็น ผู้ให้ยืมเงิน 132 ล้านดอลลาร์ เพื่อลงบัญชีสินทรัพย์การเป็นเจ้าหนี้ ที่ถือเป็นรายได้ในบัญชีของบริษัทแม่

Enron ยังทำการรับประกันเพื่อเงินกู้สถาบันการเงินอีก 240 ล้านดอลลาร์ ทำให้ Chewco ขาดเงินทุนเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ หรือ 11.5 ล้านดอลลาร์ ตามกฎหมายการลงทุนร่วมที่หากมีบริษัทอื่นร่วม ลงทุนด้วย 3 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ให้แยกระบบบัญชีทั้งหมดออกจาก บริษัทแม่

Enron เสริมทุนให้อีกครึ่งหนึ่งของส่วนนี้ ซึ่งตามกฎหมายถือว่า ตามระบบบัญชี กิจการของบริษัทใหม่นี้ยังต้องขึ้นอยู่กับบริษัทแม่ แต่ Arthur Andersen ให้การว่า บริษัทไม่ได้รับรู้การลงทุนเสริมของ Enron จึงไม่ได้เรียกขานให้แก้ไขบัญชี

ถึงวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ทีมงานสอบสวนตั้งแต่เดือนตุลาคม ที่คณะกรรมการ Enron ได้เปิดเผยปูมปัญหาในรูปแบบคล้ายคลึงกัน ด้วยรายงาน 217 หน้า ก่อนที่ kenneth Lay มีกำหนดการเดิมต้องเข้าให้การต่อคองเกรสในวันจันทร์นั้น

ทีมสอบสวน Enron ระบุว่า บริษัททำกำไรลวงเกือบ 1 พันล้าน โดย "ลูกจ้างระดับสูง" ที่สร้างประโยชน์ส่วนตัว และขาดจริยธรรม ด้วยการรับเงินค่าธรรมเนียม หรือค่าทำงานครั้งละหลายล้านดอลลาร์ ในการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน เพื่อซ่อนบัญชีขาดทุนจริงของบริษัทแม่ เท่านั้น โดยบริษัทตรวจสอบบัญชี Arthur Andersen และทีมนักกฎหมายของบริษัทมีส่วนร่วมรับรู้กับข้อผิดพลาดและการฉ้อฉลที่ เกิดขึ้นในทุกขั้นตอน แต่ได้จงใจละเลยเสีย

รายงาน Enron เปิดเผยว่า ลูกจ้างระดับบริหารตักตวงประโยชน์ในทุกด้าน อาทิ เมื่อสิทธิการถือครองหุ้นในบริษัทใหม่เกินขอบเขตที่กำหนดให้พวกเขาจะใช้ชื่อภรรยามาถือหุ้นแทน เพื่อยักยอกถ่ายเงินล้านใส่กระเป๋า

รายงานบอกว่า การกระทำเหล่านั้น กลุ่มคณะกรรมการบริษัท รวมถึง Kenneth Lay ไม่ได้ล่วงรู้รายละเอียดชัดเจนว่าลูกจ้างของบริษัทเกี่ยวข้องกับการถือหุ้นในบางรายมากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตามเนื่องจากรายงานจัดทำโดยการจัดจ้างของกลุ่มคณะกรรมการบริหารบริษัทเอง จึงขัดแย้งกับข้อเท็จจริงอื่นๆ ที่ออกมาคณะกรรมการบริษัทนำโดย Kenneth Lay และผู้อำนวยการด้านต่างๆ ได้เข้าประชุมเพื่อรับรู้รายละเอียดในการถือหุ้นต่างๆ หลายครั้ง ที่ทำให้เงินขาดดุลนอกบัญชี 500 ล้านดอลลาร์ โดยที่นักเล่นหุ้นและคณะกรรมการกำกับหุ้นไม่ได้ระแคะระคาย คณะกรรมการบริษัททำเงินจากการค้าหุ้นเกือบ 1 พันล้าน ในช่วงเวลา 4-5 ปี โดย Kenneth Lay ทำเงินคนเดียวถึง 205 ล้านดอลลาร์

ในปี 1997 Enron ซึ่งกลายรูปเป็นบริษัทมหาชนแล้ว จัดจ้าง มาร์ค เลย์ หลานชายของ Kenneth Lay เป็นฝ่ายบริหาร ในสัญญา 3 ปี ค่าตอบแทนอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์พร้อมหุ้นตอบแทน

Enron ผูกติดสัญญาซื้อตั๋วเดินทาง ที่ฝ่ายบริหารต้องเดินทางไปเซ็นสัญญา เจรจา และดูงานทั่วโลกกับบริษัททัวร์ที่แชรอน เลย์ น้องสาวของ Kenneth Lay ร่วมเป็นเจ้าของ ที่ผ่านมาบริษัททำรายได้กว่า 10 ล้านดอลลาร์จาก Enron หรือกว่าครึ่งของรายได้รวมบริษัท

ช่วงเดือนสิงหาคม 2001 ที่ Skilling ลาออก และ Kenneth Lay กลับมารับตำแหน่งแทน Kenneth Lay ได้ขายหุ้นเป็นเงิน 16.1 ล้าน ดอลลาร์ในเดือนเดียว ส่วน Skilling ได้ขายหุ้นเป็นเงิน 15.5 ดอลลาร์ โดยในวันที่ 20 และ 21 สิงหาคม เพียง 2 วัน Kenneth Lay ขายหุ้น เป็นเงิน 2 ล้านดอลลาร์ หุ้นของบริษัทราคาตกลงเรื่อยๆ กระทั่งวันที่ 26 กันยายน Kenneth Lay ได้กระตุ้นให้พนักงานที่ไม่รู้เห็นการขายหุ้นของบริษัท ช่วยกันซื้อหุ้นของบริษัท

ระดับบริหารของบริษัทราว 600 คน ยังได้รับเงินโบนัส ในเดือนพฤศจิกายน ช่วงที่บริษัทกำลังมีวิกฤติ เป็นเงินรวมกันกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ก่อนบริษัทขอล้มละลาย และปลดลูกจ้างอีก 5,000 คน โดยที่จ่ายเงินชดเชยให้รายละ 4,500 ดอลลาร์ หรือไม่ถึงเงินเดือนหนึ่ง เดือนของพนักงานส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ผลสรุปจากคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งส่วนหนึ่ง เป็นคนในคองเกรส และอีกส่วนเป็นคนในตลาดหุ้น ต้องใช้องค์ประกอบหลายด้านในการพิจารณา ทั้งที่เปิดเผยได้ และไม่ได้ และอาจ ไม่ตรงใจคนภายนอกที่มองเรื่องนี้เป็นการโกงกินเครือข่ายใหญ่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us