GEN เตรียมเร่งหางานในมือเพิ่ม หลังปรับหนี้เสร็จพร้อมเน้นงานอสังหาริมทรัพย์ หวังเป้าปีหน้ามีงานในมือถึง 600 ล้านบาท ส่วนดีลการเจรจาเพื่อพัฒนาที่ดินที่หัวหินยังสรุปไม่ได้ เล็งหาที่ดินผืนใหม่หากได้ราคาที่ไม่เหมาะสม ล่าสุดได้โครงการคอนโดมิเนียมของอิสเทิร์น สตาร์ ที่พระราม 3

นายกิตติชัย รักตะกนิษฐ์ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GEN) เปิดเผยความคืบหน้าในการเจรจาซื้อที่ดินตามแผนการ แตกไลน์ธุรกิจของบริษัท หลังจากที่บริษัทได้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ซึ่ง GEN ต้องการเข้าไปในธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ให้มากขึ้น นอกเหนือ จากธุรกิจก่อสร้างเพียงอย่างเดียว โดยหลังการปรับโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จบริษัทยังมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นนโยบาย ที่ผู้บริหารต้องการเข้าไปดำเนินการ โดยเมื่อกลางปี 2547 ได้เข้าซื้อบริษัท ฉัตรเฉียบ จำกัด มูลค่า 60 ล้านบาท และขณะนี้ GEN อยู่ในระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดินที่หัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ 5-6 ไร่ ซึ่งได้เซ็นลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) เรียบร้อยแล้ว

สำหรับที่ดินผืนนี้ GEN ต้องการ พัฒนาให้เป็นศูนย์รวมแหล่งชอปปิ้งและบันเทิงครบวงจร เป็นการกระจาย การลงทุนสู่ต่างจังหวัด ซึ่งยังสรุปไม่ได้ เพราะอยู่ในระหว่างการเจรจา เนื่อง จากเจ้าของที่ดินเรียกค่าเช่าสูงมาก และอยู่กับการตัดสินใจของทีมบริหาร ว่าเหมาะสมที่จะเข้าไปพัฒนาลงทุนหรือไม่ แต่ยังให้ความสนใจจังหวัดใหญ่ทางภาคเหนือเช่นกัน

"เราก็มีหลายแปลงที่ไปดูไว้แล้ว เผื่อเอาไว้ เพราะหากเราพลาดจากแปลงนี้ ก็สามารถที่จะพัฒนาแปลงอื่นได้ แต่เราก็อยากได้ที่ดินแปลงนี้เพราะทำเลดีมาก เหมาะกับการพัฒนา เป็นแหล่งชอปปิ้ง ที่สำคัญในบริเวณใกล้เคียงยังไม่มีแหล่งชอปปิ้ง หากเรา เข้าทำก็เท่ากับไปบุกเบิกตลาดแต่หากราคาสูงเกินที่จะรับไหวก็คงต้องหยุดคิด"

อย่างไรก็ตาม ปลายเดือนตุลาคมนี้ที่เดอะ มาร์เก็ต พัทยา ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งของฉัตรเฉียบที่ GEN ซื้อกิจการมานั้น จะทำการเปิดเทศกาลปิดเทอมเพื่อชักชวนนักท่องเที่ยวและผู้คนเข้ามาชมมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาพบว่าปริมาณของผู้คนที่เข้ามาใช้บริการยังทำได้ไม่เข้าเป้าหมายที่คาดกันไว้ จึงต้องการจัดงานเพื่อเชิญชวนดึงดูดให้มีคนเข้ามามากขึ้น

โดยบริษัท ฉัตรเฉียบ จำกัด ขณะนี้มีหลายโครงการที่อยู่ในระหว่าง การดำเนินการหลายอย่าง หนึ่งในจำนวนนั้นคือ เดอะ มาร์เก็ต พัทยา พื้นที่ 23 ไร่ แต่พัฒนาเป็น one stop shopping center เป็นโครงการชอปปิ้งกลางแจ้งใหญ่ที่สุดในพัทยา แบ่งพื้นที่ออกเป็น 8 โซน พื้นที่ห้องเช่า ระยะยาว 411 ห้อง ขณะนี้ขายพื้นที่ได้แล้ว 281 ห้อง คาดว่าจะสามารถขาย ได้หมดในปีนี้ คิดเป็นเงินมูลค่า 200 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่แปลงนี้ยังเหลือที่จะพัฒนาอีกถึง 10 ไร่ และต้องการพัฒนาเป็นโรงแรมซึ่งจะเป็นขั้นต่อไป เพราะขณะนี้ต้องการพัฒนาให้โครงการ ชอปปิ้งเสร็จสิ้นก่อน

นายกิตติชัยกล่าวว่า งานหลักของ GEN นั้น ยังเป็นไปตามเป้าหมาย ล่าสุดเพิ่งได้งานใหม่เข้ามาคือโครงการ คอนโดมิเนียมของอิสเทิร์น สตาร์ ที่พระราม 3 ทำให้งานในมือ ( BACKLOG) ของบริษัทมีเพิ่มขึ้นซึ่งปีนี้น่าจะได้เกินกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งการได้งานของ GEN นั้น จะเป็นงานในโครงการต่างๆ ที่มีมูลค่าไม่สูงมากเหมือนผู้ประกอบการรายอื่น แต่ก็มีงานที่หลากหลายที่สามารถเข้าไปได้ในทุกงานที่เป็นโครงการขนาดใหญ่

โดยตั้งเป้าปี 2548 คาดว่าจะมีงานเพิ่มขึ้นอีกมาก อันเป็นผลมาจากงานโครงการรัฐ ที่อัดงบประมาณในการพัฒนาประเทศหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ ถือเป็นโอกาสของ GEN ที่จะได้เข้าไปรับงาน เหล่านั้น เพราะชำนาญงานเสาเข็มแบบ Hi-Spec

เนื่องจากธุรกิจของ GEN มีหลากหลาย ดังนั้น หากรายได้ของบริษัทจะมาจากหลายทาง โดยสัดส่วน รายได้ของบริษัทปัจจุบันมาจากธุรกิจการทำเสาเข็ม 65% พื้น 15% ผนังสำเร็จรูป และคอนกรีตผสมเสร็จ (GRC) 10% ที่เหลือคือผลิตภัณฑ์ข้อต่อสะพาน 10% โดยแต่ละปีบริษัท มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 900 ล้านบาท

ล่าสุดบริษัทได้ลงนามในสัญญา กับ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) ซึ่งเป็นงานก่อสร้างในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการกว่า 40 ล้านบาท และยังมีงานที่อาคาร เดอะแพลททินัม แฟชั่นมอล เป็นงาน พื้นคอนกรีตอัดแรง มูลค่าโครงการ 36.76 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 12 เดือน และโครงการก่อสร้างงานเสาเข็ม คอนกรีตอัดแรง คลังน้ำมันสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ 67.40 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม งานในมือที่มีอยู่ ขณะนี้ บางส่วนจะรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกปี 2548 ส่งผลให้งานในมือของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 600 ล้านบาท และบริษัทยังจะได้ราคาขายที่ดีด้วย อันเป็นผลจากราคาวัสดุก่อสร้าง และอื่นๆ ปรับเพิ่มขึ้น

โดย GEN ยังเดินหน้าขยายงาน ภายใต้วงเงินที่มีอยู่ในระดับไม่เกิน 100 ล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องการ เพิ่มภาระในการกู้ยืมเงินเพิ่มในระยะนี้ เพราะต้องการให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) เพิ่มสูงเกินกว่า 1 เท่า เพราะไม่อยากเพิ่มภาระทางการเงิน