|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"มนตรี-บิ๊กกิมเอ็ง" เผยอยู่ระหว่างศึกษาแผนควบรวมกิจการ อีกรอบ แต่ไม่รีบ ขณะที่กระแสข่าวลือสะพัด หุ้นใหญ่กิมเอ็ง ดอดเก็บหุ้นแอ๊ดคินซัน-ASL เกือบ 5% แล้ว หวังควบกิจการหนี ASP ที่มาร์เกตแชร์ใกล้เข้ามาทุกขณะ ขณะที่วงการประเมินได้ประโยชน์แถมมีเอเพ็กซ์เป็นมูลค่าแฝง ด้านห้องค้าในสงขลาแข่งขันรุนแรง ค้ำประกัน 10% ทำลูกค้าใช้บัญชีโบรกเกอร์เดียวเพื่อไม่ต้องวางประกันหลายแห่ง
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่าบริษัทกิมเอ็ง โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEST) ได้เข้ามาเก็บหุ้น บล. แอ๊ดคินซัน (ASL) ได้เกือบ 5% แล้ว โดยมีจุดประสงค์ที่จะเข้ามาถือหุ้นใหญ่เพื่อกุม อำนาจการบริหารและอาจนำไปสู่การควบ รวมกิจการกันในอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน แม้ว่า บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จะยังคงครองแชมป์โบรกเกอร์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในอันดับ 1 แต่ก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอันดับ 2 อย่าง บล.เอเซียพลัส (ASP) และบางครั้งก็ยังถูกเบียดลงมาเป็นอันดับ 2
ดังนั้น บล.กิมเอ็ง จึงต้องการที่จะทิ้งห่างจากคู่แข่งให้มากที่สุด ซึ่งการพิจารณาหาโบรกเกอร์อื่นมาควบรวมกิจการถือเป็นอีกแนวทางหนึ่ง
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่า บล.กิมเอ็ง จะเลือกควบรวมกิจการกับ บล.แอ๊ดคินซัน เพราะถือว่าเป็นโบรกเกอร์ที่มีกระแสเงินสดอยู่มากจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ ซึ่งหากเป็นจริงจะถือว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อ กล่าวคือ การที่ บล.แอ๊ดคินซัน มีมาร์เกตแชร์ อยู่ที่ระดับประมาณ 3% กว่า (รวมบล.เอเพ็กซ์) จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้กัน บล.กิมเอ็งได้
ที่สำคัญคือการที่ บล.แอ๊ดคินซันถือหุ้น 100% ในบล.เอเพ็กซ์ ซึ่งหากอนาคตมีการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน แล้วดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯก็จะสามารถ สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อีกมหาศาลเลยทีเดียว ส่วนก่อนหน้านี้ที่บริษัทกิมเอ็ง โฮลดิ้งส์ ขายหุ้น KEST ออกมาประเมินว่าน่าจะนำไปเป็นทุนใน การเข้าเก็บหุ้น ASL
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า บริษัท กิมเอ็ง โฮลดิ้งส์ ได้รายงานการขายหุ้น KEST ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.มาแล้ว 2 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2547 รายงานการขายหุ้นจำนวน 10.50 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.93% จากนั้นล่าสุดวันที่ 17 ก.ย. 2547 ขายหุ้นออกมาอีกจำนวน 6.10 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.12% ส่งผลให้ล่าสุด กิมเอ็ง โฮลดิ้งส์เหลือสัดส่วนการถือหุ้นใน KEST 64.28% ลดลงจาก ณ วันปิดสมุดทะเบียนวันที่ 1 มี.ค. ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 71.05%
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นโยบายของผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บริษัทกิมเอ็ง โฮลดิ้งส์ จำกัด ไม่ปิดกั้นแนวคิดในการควบรวมกิจการกับโบรกเกอร์ อื่น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ซึ่งมีการประเมินทั้งในด้านกว้างคือ หาโบรกเกอร์ที่มีลักษณะการดำเนินธุรกิจที่คล้ายกัน และในเชิงลึกคือโบรกเกอร์ที่มีธุรกิจที่สามารถเสริมกันได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้มีกรอบระยะ เวลาว่าจะต้องมีข้อสรุปในเรื่องนี้เมื่อไหร่ เพราะถือว่า ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเร่งรีบ และบริษัทไม่ได้มีความจำเป็น ที่จะต้องควบรวมกิจการ แต่ก็ไม่ปิดโอกาสหากมีโบรกเกอร์ที่ดูแล้วเห็นว่าสามารถเข้ามาทำให้บริษัทแข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้นส่วนประเด็นการเข้าเก็บหุ้น ASL นั้น นายมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้คงยังไม่ถึงขั้นนั้น
นายมนตรียังกล่าวถึง การแข่งขันของโบรกเกอร์ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในภาคใต้ว่า ปัจจุบันการแข่งขันยังค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะหลัง จากที่สำนักงาน ก.ล.ต.ประกาศเกณฑ์การวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% สำหรับลูกค้าที่มีวงเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไป ส่งผลให้นักลงทุนรายใหญ่ที่มีการเปิดบัญชีซื้อขายกับหลายโบรกเกอร์และเคยส่งคำสั่งซื้อขายหลายที่ ต้องเลือกที่จะส่งคำสั่งซื้อขายให้แก่โบรกเกอร์ใดโบรกเกอร์หนึ่งเท่านั้น เพื่อที่จะไม่ต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกันหลายที่
ทั้งนี้ ในส่วนของ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มูลค่าการซื้อขายของลูกค้าหาดใหญ่คิดเป็นประมาณ 1% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของบริษัท ซึ่งที่ผ่านมา บล.กิมเอ็ง มีมาร์เกตแชร์อยู่ในอันดับ 3 ของพื้นที่ ซึ่งยอมรับว่าถูกกระทบหลังจากที่มีมาตรการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% โดยบริษัทพยายามที่จะใช้กลยุทธ์ในการมีบทเคราะห์หุ้นที่มีคุณภาพ แม้ว่านักลงทุนหาดใหญ่ส่วนใหญ่จะซื้อขายในลักษณะการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ก็ยังต้องการการวิเคราะห์ในด้านปัจจัยพื้นฐานของหุ้น เพื่อประกอบการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนฉลาดขึ้นการเก็งกำไรต้องอิงกับพื้นฐานเป็นหลักด้วย นอกจากนั้น การที่ลูกค้าจะต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกันต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีความมั่นคง ซึ่งในส่วนนี้ถือว่า บล.กิมเอ็งได้เปรียบเพราะเป็นโบรกเกอร์ขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงในด้านฐานเงินทุนอยู่แล้ว
|
|
|
|
|