การแถลงผลการดำเนินงานประจำปี 2544 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เมื่อวันที่
17 มกราคม น่าจะเป็นวันสุดท้าย ที่พิชา ดำรงค์พิวัฒน์ ปรากฏตัวต่อสาธารณะ
ในฐานะกรรมการ ผู้จัดการ ธอส.
เพราะหลังจากนั้นไม่ถึง 1 เดือน เขาก็ต้องย้ายสถานที่ทำงาน เพื่อไปรับตำแหน่งใหม่
เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (Chief Financial Officer : CFO) ของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย
(ทีพีไอ)
พิชาเพิ่งเข้ามารับงานใน ธอส.เพียง 1 ปีเศษ หลังจากที่ธนาคารรัฐวิสาหกิจแห่งนี้
มีปัญหาความขัดแย้งกันในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง ระหว่างสิริวัฒน์ พรหมบุรี
อดีตกรรมการผู้จัดการ และ ศักดา ณรงค์ อดีตรองกรรมการผู้จัดการ จนคณะรัฐมนตรีมีมติให้ทั้งคู่พ้นจากตำแหน่ง
เมื่อเดือนเมษายน 2 ปีก่อน
พิชามาจากภาคเอกชน ตำแหน่งล่าสุดก่อนเข้ามาอยู่ ธอส. เขาเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มไฟฟ้า และพลังงาน บริษัทเทเลคอมเอเซีย
เขาเข้ามาเริ่มทำงานใน ธอส. ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ในขณะที่ฝุ่นควันที่ตลบอบอวล
จากความขัดแย้งของผู้บริหารซึ่งเป็น ลูกหม้อเก่าแก่ของธนาคารทั้ง 2 กลุ่มยังคละคลุ้งอยู่
ดังนั้นจึงปรากฏข่าวออกมาเป็นระยะว่า เขาค่อนข้างมีปัญหาในการบริหาร งาน
โดยเฉพาะไม่สามารถเข้ากับระบบงานภายในที่มีลักษณะคล้ายกับระบบข้าราชการประจำ
จนกลายเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพนักงาน
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่หลายคนมองว่าเป็นเหตุผลในการตัดสินใจลาออกครั้งนี้
แต่เขาปฏิเสธ
"ก่อนเข้ามาที่นี่ ก็เคยมีคนเตือนผมแล้วว่าในนี้มีความขัดแย้ง และหลังเข้ามาก็ยังมีใบปลิวโจมตีผม
แต่ตลอดเวลา 1 ปีที่ทำงานที่นี่ ผมได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพนักงานเป็นอย่างดี"
เขาบอก
พิชามองว่าการเปลี่ยนสถานที่ทำงาน เป็นเรื่องปกติของการทำงานในภาคเอกชน
และที่ทีพีไอ เขาถือว่าเป็นบริษัทที่มีความท้าทายมากกว่า เพราะเป็นบริษัทขนาดใหญ่
มีบริษัทในเครือถึง 24 แห่ง
ที่สำคัญตำแหน่งที่เขาได้รับ เป็นแค่รองจากทองฉัตร หงส์ลดารมภ์ CEO และสิปปนนท์
เกตุทัต ประธานกรรมการ เพียง 2 คน เท่านั้น
"ผมเคยอยู่แบงก์กสิกรไทย เคยอยู่ในเครือซีพีมา 9 ปี ทุกวันนี้ผมยังสามารถพบหรือพูดคุยกับคุณบัณฑูร
ล่ำซำ คุณธนินท์ หรือ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ได้ไม่มีความขัดแย้งกัน" เขาให้เหตุผล
ทั้งสิปปนนท์ และทองฉัตร ต้องการให้พิชามาร่วมงานใน ทีพีไอมานานแล้ว เพราะหลังจากที่ทั้งคู่เข้ามารับหน้าที่ฟื้นฟูกิจการ
ภายหลังศาลล้มละลายกลางรับแผนฟื้นฟู ทั้งคู่ยังไม่สามารถหามือการเงินเข้ามาดูแลเป็นการเฉพาะ
สำหรับกิจการที่มีหนี้สินจำนวนมหาศาล ถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์ แห่งนี้ได้
มองในมุมของพิชา การเข้ามาทำงานในทีพีไอครั้งนี้ เปรียบเสมือนเขาได้กลับไปร่วมงานกับคนเก่าที่เคยสนิทสนมกันมาก่อน
เพราะครั้งหนึ่งในยุคที่โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกกำลังบูม
เขาเคยเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทวีนิไทย เจ้าของ โครงการปิโตรเคมีที่กลุ่มซีพีร่วมลงทุนกับกลุ่มโซลเวย์
ตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ช่วงเดียวกับที่สิปปนนท์ เป็นกรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ บริษัทปิโตรเคมีแห่งชาติ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสารต้นทางป้อนให้กับโรงงานขั้นกลาง
และขั้นปลาย รวมทั้งวีนิไทยด้วย
ส่วนทองฉัตร พิชาได้รู้จักมาตั้งแต่สมัยย้ายเข้ามาเป็นผู้จัดการ อาวุโส
สายบัญชีและการเงินของเทเลคอมเอเซีย ซึ่งขณะนั้นทองฉัตร ยังเป็น CEO ของที่นั่นอยู่
พิชาเริ่มเข้าไปทำงานในทีพีไอ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ วันนี้ เขาได้เปลี่ยนบทบาทจากที่เคยเป็นเจ้าหนี้
ที่มีพอร์ตสินเชื่ออสังหา ริมทรัพย์อยู่จำนวนมาก กลายมาเป็นลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายสิบรายกำลังเฝ้ามองการทำงานของเขาอยู่