Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 ตุลาคม 2547
อีสท์วอเตอร์ทุ่มงบ1.4พันล้านรองรับดีมานด์การใช้น้ำดิบโต             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก
โฮมเพจ ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์

   
search resources

จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก, บมจ.
ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์, บจก.
Consultants and Professional Services
ธรรศธารา, บจก.




อีสท์ วอเตอร์ตั้งเป้าปีหน้าโตอีก 15% หลังประเมินยอดขายน้ำดิบในภาคตะวันออกขยายตัวต่อเนื่อง โดยทุ่มเงินลงทุนอีก 1,400 ล้านบาท วางท่อน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ เชื่อมท่อปัจจุบัน รองรับดีมานด์ใช้น้ำในธุรกิจปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้นในมาบตาพุด และรุกธุรกิจน้ำประปา เผยผลดำเนินงานงวด 1 ปี (30 ก.ย.47) คาดว่ามีกำไร 410 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 20% เนื่องจากรับรู้กำไรจากบริษัทย่อยและเงินลงทุนระยะสั้น

นายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า ในปี 2548 บริษัทประมาณการตัวเลขการใช้น้ำดิบในภาคอุตสาหกรรมจะเติบโตขึ้นอีก 15% จากปีนี้ที่มียอดการใช้น้ำดิบอยู่ที่ 170 ล้านลบ.ม./ปี ทำให้รายได้และกำไรเติบโตขึ้นอีก 15% เช่นเดียวกัน ซึ่งบริษัทฯมีนโยบายที่จะรักษาการเติบโตของกำไรในแต่ละปีไม่ให้ต่ำกว่า 10%

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2548 บริษัทฯ คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยจะเน้นการลงทุนในธุรกิจน้ำดิบ โดยจะดำเนินการวางท่อเพื่อรับน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มาเชื่อมกับท่อน้ำ ปัจจุบัน ความยาวประมาณ 40 กม. มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของอุต- สาหกรรมปิโตรเคมีที่ได้มีการขยายการลงทุนเพิ่มเติมในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด จ.ระยอง โดยคาดว่าจะออกแบบเสร็จกลางปี 2548 หลังจากนั้นจะเริ่มการวางท่อ และแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า

"เราประเมินว่าน้ำที่ได้รับการจัดสรรจากกรมชลประทานจะไม่เพียงพอในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น จึงวางแผนที่จะขอใช้น้ำจากกรมชลฯ ในอ่างเก็บน้ำประแสร์มาเชื่อมกับท่อปัจจุบัน ซึ่งห่างกันอยู่ 40 กม. โดยเราทำหนังสือขอจัดสรรน้ำดิบประมาณ 85 ล้านลบ.ม./ปี ซึ่งจะรองรับการใช้น้ำในนิคมฯมาบตาพุดได้อีก 5-10 ปีข้างหน้า"นายวันชัย กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯจะลงทุนในธุรกิจน้ำประปาของบริษัทย่อย คือ บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (UU) หลังจากปีนี้บริษัทย่อย ได้รับสัมปทานโครงการก่อสร้างผลิต น้ำประปา 4 แห่ง คือ สัมปทานทำน้ำประปาที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และเกาะล้าน จ.ตราด รวมทั้งสัญญา ขยายระบบน้ำประปาที่สัตหีบ เพื่อจ่ายน้ำให้กับพื้นที่ในเขตพัทยาใต้ และที่อ.ศรีราชา ชลบุรี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 400-500ล้านบาท

โดยปีหน้า บริษัทฯจะยื่นขอสัมปทานการผลิตน้ำประปาที่เกาะ พีพี เกาะช้าง และเกาะเต่า เป็นต้น รวมทั้งเข้าไปประมูลสัมปทานผลิตน้ำประปาในบางพื้นที่ที่การประปาส่วนภูมิภาคเปิด เช่น ปทุมธานี เป็นต้น

ด้านแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการ ดำเนินธุรกิจนั้น มาจากการเสนอขาย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวน 20 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาทให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น คือ เสนอขาย หุ้น 5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญ ใหม่ในปลายเดือนตุลาคมนี้ รวมทั้งบริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชน ทั่วไปอีก 7.5 ล้านหุ้น ประมาณเดือน พฤศจิกายนนี้ด้วย

นายวันชัย กล่าวต่อไปว่า จากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2545 เห็นชอบ ในหลักการปรับโครงสร้างธุรกิจบริษัทในเครือ โดยการควบรวม บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ (UU) กับ บริษัท ธรรศธารา (TAT) ซึ่ง UU ถือหุ้นใน TAT 100% โดย UU และ TAT ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งถือหุ้นร่วม กันในบริษัทประปาในเครือ ได้แก่ บริษัท ประปาฉะเชิงเทรา จำกัด บริษัท ประปาบางปะกง จำกัด และบริษัท ประปานครสวรรค์ จำกัด เป็นสัดส่วน 99%, 99% และ 100% ตามลำดับ

สำหรับการควบกิจการในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน โดยลดขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจประปา ตลอดจนช่วยให้ ผู้ลงทุนเข้าใจ และสามารถวิเคราะห์ผลการดำเนินการในกลุ่มธุรกิจประปา ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทฯได้มีการโอนทรัพย์สิน หนี้สินของ TAT ไปยัง UU และได้จดทะเบียนเลิกกิจการ และชำระบัญชี TAT กับกระทรวงพาณิชย์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2547 โดย UU ได้บันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัท TAT ตามวิธีส่วนได้ ส่วนเสีย

ดังนั้น การควบรวมกิจการของ TAT กับ UU จึงไม่มีผลกระทบ ต่อทรัพย์สินและหนี้สินรวมสุทธิของ UU ในภาพรวมแต่อย่างใด รวมถึง TAT และ UU จะได้รับการยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ที่เกี่ยวข้องตามเงื่อนไขของกฎหมายการควบรวมหรือโอนกิจการ

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 1 ปี สิ้นสุด 30 ก.ย.2547 ว่า บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 410 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 20% จากปีที่แล้วซึ่งมีกำไร 352 ล้านบาท เนื่อง จากยอดการใช้น้ำดิบอยู่ในระดับที่ตั้งเป้าหมายไว้ และมีกำไรจากการนำ เงินสดไปลงทุนระยะสั้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us