บอร์ด BH ไฟเขียว เข้าไปลงทุนในบริษัท ฮอสพิทอล อิงค์ ซึ่งทำธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ รุกตลาดต่างประเทศตามแผนธุรกิจ หวังรับเงินปันผล ค่าจ้างจากการรับบริหาร ขณะเดียวกันก็ขยายพื้นที่โรง พยาบาลในไทยรองรับความต้องการ ลูกค้าจากต่างประเทศ

นายเคอร์ติส ชโรเดอร์ กรรมการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH) เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2547 ว่ามีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัทเอเชียน ฮอสพิทอล อิงค์ ภายในเดือนธันวาคม 2547 โดยบริษัทจะลงทุนใน เอเชียน ฮอสพิทอล อิงค์ (Asian Hosptal, Inc. หรือ AHI) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงพยาบาลเอกชน ขนาด 258 เตียง ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในสัดส่วนการลงทุนขั้นต้น 41.90% ของทุนจดทะเบียนของบริษัทดังกล่าว

สำหรับการลงทุนดังกล่าว จะกระทำผ่าน วิสต้า เมดิคอล แมเนจ เม้นท์ อิงค์ (VISTA Medical Management, Inc หรือ VMMI) และบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งซึ่งจะจัดตั้งขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ (New Co) โดยบริษัทจะถือหุ้นใน VMMI และ New Co 100%

โดย VMMI เป็นผู้ถือหุ้นประมาณ 32.44% ใน AHI เมื่อบริษัท ซื้อหุ้นใน VMMI แล้ว AHI จะเพิ่มทุนเพื่อให้ VMMI, New Co และผู้ถือหุ้นอื่นๆ จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน และบริษัทจะเข้าทำสัญญารับจ้างบริหารโรงพยาบาล เอเชียน ฮอสพิทอลต่อไป

นายเคอร์ติสกล่าวว่า ผู้ถือหุ้น ของ VMMI ซึ่งจะขายหุ้นให้บริษัท และ AHI ซึ่งจะว่าจ้างบริษัทตามสัญญารับจ้างบริหารโรงพยาบาล เอเชียน ฮอสพิทอล ส่วนมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนคือเงินค่าหุ้นใน VMMI ประมาณ 100 ล้านเปโซ (หรือประมาณ 70 ล้านบาท) และเงินเพิ่ม ทุนใน AHI ประมาณ 400 ล้านเปโซ (หรือประมาณ 300 ล้านบาท)

ทั้งนี้ มูลค่ารวมของสิ่งตอบ แทนกำหนดตามมูลค่าสุทธิตามบัญชีของ AHI ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2547 ปรับปรุงด้วยมูลค่าอาคารและ ที่ดินที่ประเมินใหม่

ส่วนผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับคือเงินปันผล ค่าตอบแทนจาก การรับจ้างบริหาร ค่าสิทธิในการใช้ซอฟต์แวร์ และการขยายตลาดไปในต่างประเทศ โดยคณะกรรมการได้พิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการลงทุน ตลอดจนความเสี่ยง ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยรอบคอบแล้ว เห็นว่า รายการดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบริษัท จึงได้มีมติอนุมัติรายการดังกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ไว้เฉียด 5,000 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการเพิ่ม ขึ้นของผู่ป่วยต่างชาติที่เข้ามารักษา ขณะที่ทาง BH ก็ได้เตรียมสร้างตึกเพิ่มเพื่อรองรับผู้ป่วยนอกถึง 6,000 คนและจะรุกตลาดไปในทวีปเอเชียด้วย เนื่องจากปัจจุบันพบว่าชาวต่าง ชาติจะหันมารักษากับโรงพยาบาล เอกชนในไทยมาก ทำให้โรงพยาบาล แต่ละแห่งต่างขยายพื้นที่เพื่อรองรับ กับผู้ป่วยและญาติ

ขณะที่แผนการตลาดของ BH จะรุกไปในเอเชียให้มาก จากเดิมที่มีสาขาอยู่ที่พม่า และบังกลาเทศ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะรวมกิจการกับบริษัทย่อยคือ บริษัท บำรุงราษฎร์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อให้บริษัทลูกสามารถสนับสนุนทางด้านยาและบุคลากรให้บริษัทแม่ได้

ปัจจุบันลูกค้าหลักในขณะนี้ คือ ประเทศอเมริกา ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง สำหรับประเทศที่กำลังจะเข้ามาคือ ออสเตรเลีย เนื่อง จากมีการโฆษณาทางทีวีในประเทศออสเตรเลียส่งผลให้ชาวออสเตรเลีย สนใจที่จะมารักษามากขึ้นโดยเฉพาะ ด้านศัลยกรรม