บอร์ด SEAFCO เตรียมปรับแผนลงทุนใหม่รองรับเมกะโปรเจกต์ 5-7 แสนล้านบาท ของรัฐบาลในช่วง 5 ปีข้างหน้า ที่คาดว่าจะทำให้ยอดรับรู้รายได้ของบริษัทเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้จำเป็น ต้องลงทุนในเครื่องจักรเพิ่ม "ณรงค์" เผยอาจต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ หรือซื้อเครื่องจักรมือสอง พร้อมเปิดทางพันธมิตร ต่างประเทศร่วมเป็น Joint Venture ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดกำไรกระฉูดเฉียด 100 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิเพียง 35 ล้านบาท
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรม-การผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน)(SEAFCO) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทเตรียมจัดประชุมขึ้น เพื่อปรับแผนการดำเนินธุรกิจและ การลงทุนใหม่ หลังจากที่รัฐบาลได้มีนโยบายลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ระบบขนส่งราง และโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคมรองรับการขยายตัวธุรกิจ ซึ่งทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องลงทุน ซื้อเครื่องจักรใหม่ หรือซื้อเครื่องมือสองเพื่อลดต้นทุน และอาจจะมีการร่วมลงทุนกับพันธมิตรต่างประเทศ (Joint Venture) เพื่อเข้าร่วมทำธุรกิจในโครงการของรัฐที่คาดว่าจะมีประมาณ 5-7 แสนล้านบาท ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งในส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับการขุดเจาะเสาเข็มประมาณ 10% และบริษัทถือเป็นเจ้าตลาดในด้านนี้ โดยมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) ประมาณ 40-50% ทำให้เห็นถึงความจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับการขยายงานที่ดาดว่าจะเพิ่มขึ้นตาม
นอกจากนี้ การปรับแผนการลงทุนจะทำให้สะท้อนถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัท ที่คาดว่าจะมีรายได้มากขึ้นจากการเข้าไปเป็น ซับคอนแท็กโครงการลงทุนโครงสร้าง พื้นฐานของรัฐ ซึ่งก่อนหน้าที่บริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้มีการประมาณการรายได้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากโครงการรัฐ ซึ่งก่อนหน้าประเมินว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 5 ปีคือ ระหว่างปี 2547-2551 รายได้รวมของ บริษัทจะขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 15% ต่อปี โดยในปี 2547 ได้ตั้งงบลงทุนซื้อเครื่องจักรไว้ประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการระดมทุนผ่านตลาดหุ้น และได้สั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว บางส่วน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการ ส่งมอบ
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2547 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียว กันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 35 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิกว่า 54 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า กำไรที่เกิดขึ้นทั้งปีในปี 2546
"ในไตรมาส 3 รายได้ของเราลด ลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 เนื่องจากเป็นช่วงที่อยู่ในฤดูฝน ทำให้มีงานเข้ามาน้อย แต่เชื่อว่าแนวโน้มทั้งปีหน้าจะสามารถทำได้ตามเป้าที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้"
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาเหล็ก และคอนกรีตที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของบริษัทน้อยมาก โดยเฉพาะในส่วนของราคาเหล็กที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี เนื่องจากบริษัท มีการปรับราคากับคู่ค้า ซึ่งในจุดนี้ทำ ให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และการ รับงานของบริษัทจะเป็นการรับงานในช่วงสั้น 2-3 เดือน ทำให้สามารถคำนวณต้นทุนเฉลี่ยได้
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่ผ่าน มาบริษัทได้ลงนามสัญญาและรับใบสั่ง จ้างโครงการเพิ่มเติมอีก 6 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 71.48 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. โครงการอาคารชุด The Madison Condominium ถนนสุขุมวิท 41 กทม. บริษัทได้รับใบสั่งจ้างก่อสร้างเฉพาะงานเสาเข็มเจาะจากผู้รับเหมาหลัก คือ บริษัท เนาวรัตน์ พัฒนาการ มูลค่างานที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 29,139,800.00 บาท
ส่วนโครงการที่ 2 คือ โครงการวิทยาลัยดุสิตธานี ที่ถนนศรีนครินทร์ กทม. บริษัทได้ลงนามสัญญากับวิทยาลัยดุสิตธานี เฉพาะงานก่อสร้างเสาเข็มเจาะ มูลค่างานที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 10,700,000.00 บาท ระยะเวลาแล้วเสร็จ 60 วัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2547 โครงการที่ 3 โครงการก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัย ถนนศรีนครินทร์ กทม. (ตรงข้ามโรงงานกรีนสปอต) บริษัทได้รับใบสั่งจ้างจาก บริษัท ก่อสร้างสหพันธ์ เฉพาะงานก่อสร้างเสาเข็มเจาะ มูลค่างานที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 13,516,800.00 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 90 วัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1 ของปี 2548
โครงการที่ 4 ก่อสร้างอาคาร Service Apartment ถนนสุขุมวิท 33 กทม. ได้ลงนามสัญญากับ บริษัท ยูเอ็น เรสซิเด๊นท์ มูลค่างานที่ไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 2,050,000.00 บาท ระยะเวลาแล้วเสร็จ 45 วัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2547 โครงการที่ 5 โครงการอาคารชุดพักอาศัย 8 ชั้น ที่ถนนสุขุมวิท 31 กทม. ได้ลงนามสัญญากับ บริษัท บล๊อก ดีเวลลอปเม้นท์ มูลค่างานที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 5,881,700.00 บาท ระยะเวลาแล้วเสร็จ 60 วัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2547 และ 6. โครงการอาคารอเนกประสงค์ โรงพยาบาลกรุงเทพ ซอยศูนย์วิจัย กทม. บริษัทได้ลงนามกับบริษัทกรุงเทพ ดุสิตเวชการ เฉพาะงานก่อสร้างเสาเข็ม เจาะ มูลค่างานที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 10,200,000.00 บาท ระยะเวลาแล้วเสร็จ 60 วัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2547
|