|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
2 หุ้นน้องใหม่ฝ่าด่านระบบซื้อขาย 19 โบรกฯล่มเหลือเทรดได้แค่รอบบ่าย ปิดตลาดเหนือจอง โกลเบล็กฯ เพิ่มขึ้น 40% โฟคัส เพิ่มขึ้น 5.11% "ช่วงชัย" ชี้กระทบหุ้น ขณะที่บล.กิมเอ็ง แกนนำขายหุ้น GBX เชื่อระยะยาวธุรกิจโตต่อ ด้านโฟคัส คาดปีหน้ากำไรขั้นต้น 8-15% หลังเข้าตลาด MAI สามารถรับงานได้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท
เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) หุ้นบริษัทโฟคัส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอน-สตรัคชั่น (FOCUS) และหุ้นบริษัทโกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เป็นวันแรก ซึ่งเดิมถูกมองว่าเข้าซื้อขายถูกจังหวะเนื่องจากดัชนีตลาดหุ้น ไทยปรับตัวขึ้นเฉียด 680 จุด มูลค่าการซื้อขายก็หนาแน่น 3 หมื่นกว่าล้าน นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิอีกเกือบ 3 พันล้านบาท แต่เมื่อถึงเวลา 10.00 น. กลับปรากฏว่าตลาดหลักทรัพย์ฯไม่สามารถเปิดให้ทำการซื้อขายได้ เนื่องจากระบบการส่งคำสั่งซื้อขายของ โบรกเกอร์จำนวน 19 รายมีปัญหาขัดข้องเป็นผลต้องมีการเลื่อนเวลาการซื้อขายหุ้นออกมาในช่วงบ่ายเวลา 14.30 น.
หุ้น FOCUS ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ใหม่ หรือ MAI เปิดตลาดซื้อขายที่ 5.15 บาท ปิดที่ 4.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท หรือ 5.11% จากราคาจอง 4.50 บาท และหุ้น GBX เปิดตลาดซื้อขายที่ 3.90 บาท ปิดที่ 3.22 บาท เพิ่มขึ้น 40% จากราคาจอง 2.30 บาท
นายอนุชา สิหนาทกถากุล ประธานกรรมการ บริษัทโฟคัส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ระบบการส่งคำสั่งซื้อขายมีปัญหานั้นไม่มีผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่แต่หุ้นของบริษัทเท่านั้นที่ไม่มีการซื้อขายแต่หุ้นทุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่สามารถซื้อขายได้เช่นเดียวกัน โดยมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สินแต่อย่างใด และราคาจอง หรือไอพีโอ ที่หุ้นละ 4.50 บาทนั้นเป็นการกำหนดในช่วงที่ดัชนีอยู่ที่ระดับ 600 จุด และค่าพี/อี เรโชก็อยู่ในระดับต่ำ แต่ปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นโดยรวมในช่วงที่ผ่านมาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
นอกจากนี้การที่บริษัทขายหุ้นเพียง 25 ล้านหุ้น หรือ 20% ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยปัจจุบันนี้บริษัทมีงานที่เซ็นสัญญาไปแล้วจำนวน 560 ล้านบาทและยังมีงานก่อสร้างอีก 6 โครงการคิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ที่เตรียมจะเซ็นสัญญาภายในเร็วๆ นี้ โดยรายได้ดังกล่าวจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปีหน้า สำหรับในปีหน้าบริษัทยังมีโอกาสที่จะรับงานเพิ่มขึ้น โดยงานที่บริษัทรับจะมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 8-15% ซึ่งบริษัทคาดว่าหลังจากที่บริษัทเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะทำให้บริษัทมีความสามารถ ในการรับงานปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะเพิ่มขึ้น
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ โกลเบล็ก โฮลดิ้งแมเนจเม้นท์ ถือหุ้นอยู่ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบซื้อขายทำให้เลื่อนเวลาซื้อขายหุ้นออกไปเชื่อว่ามีผลกระทบต่อหุ้นโกลเบล็กฯ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงเช้าตลาดหลักทรัพย์จะไม่สามารถเปิดซื้อขายหุ้นได้ แต่ด้วยศักยภาพของบริษัทโกลเบล็กฯทำให้ราคาหุ้นโกลเบล็กมีการเปิดขึ้น เหนือราคาจอง
ทั้งนี้ การระดมทุนของโกลเบล็กฯก็เพื่อขยายธุรกิจ โดยขณะนี้บริษัทประกอบธุรกิจอยู่ 2 ประเภท คือ ธุรกิจหลักทรัพย์ ดำเนินการโดยบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ประกอบด้วย ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจการค้าหลักทรัพย์ ทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ รวมถึงบริการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และธุรกิจ ที่ปรึกษาทางการเงินในรูปแบบต่างๆ ดำเนินงานโดยบริษัท โกลเบล็ก แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด ทั้งการออก และขายหลักทรัพย์ การจัดทำแผนดำเนินงานเพื่อฟื้นฟูกิจการ และการปรับโครงสร้างทางการเงิน
สำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ โกลเบล็กฯ ประกอบด้วย ตระกูลคูหาเปรมกิจ ถือหุ้นในสัดส่วน 79.81% ของทุนจดทะเบียนหลังไอพีโอและมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น บมจ.โกลเบล็กฯ กล่าวว่า การหยุดการซื้อขายในช่วงเช้าอาจจะส่งผลต่อการปรับขึ้นของราคาหุ้น แต่ทั้งนี้ด้วยศักยภาพของบริษัททั้งการดำเนินงาน บุคลากร เชื่อว่าราคาหุ้นจะสามารถปรับขึ้นได้ และจะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนได้แม้ว่าจะไม่สูงอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่ควบคุมไม่ได้
|
|
|
|
|