BSI แจงไตรมาส 2 ขาดทุนหนัก เนื่องจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ตลท. แขวน 3 เครื่องหมาย NR, SP และ NP ลงบนหุ้นตัวนี้หลังโชว์งบการเงิน

บริษัท ปัญญาเศรษฐกิจ จำกัด, บริษัท ซี.เจ. มอร์แกน จำกัด ผู้ทำแผน บริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน) (BSI) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อย ในไตรมาสที่ 2/2547 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 1.846 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 10.719 ล้านบาท ส่งผลให้จากที่มีกำไรต่อหุ้นอยู่ 9 สตางค์ต่อหุ้น กลับทำให้ขาดทุนต่อหุ้น 2 สตางค์

เนื่องจากเป็นผลมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ไตรมาสที่ 2/2547 มีผลขาดทุน 181.795 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2/2546 มีกำไร 109.953 ล้านบาท, หนี้สงสัยจะสูญโอนกลับ ไตรมาสที่ 2/2547 โอนกลับ 0.952 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2/2546 โอนกลับ 203.749 ล้านบาท และขาดทุนจากการด้อยค่าลดลงในไตรมาสที่ 2/2547 จำนวน 433.900 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2/2546 ลดลง 27.021 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้รายงานว่า ได้ขึ้นเครื่องหมาย NPž (Notice Pending) หลักทรัพย์ ของบริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน) (BSI) ตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 17 สิงหาคม 2547 เป็นต้นมา เนื่องจาก BSI มิได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2547 มายังตลาด หลักทรัพย์ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด

ทั้งนี้ ขณะนี้บริษัทได้นำส่งงบการเงินดังกล่าว มายังตลาดหลักทรัพย์แล้ว ตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นสมควรขึ้นเครื่องหมาย NRž (Notice Received) หลักทรัพย์ของ BSI สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 4 ตุลาคม 2547 เพื่อเป็นการประกาศ ให้ผู้ลงทุนทั่วไปได้ทราบว่าตลาดหลักทรัพย์ได้รับข้อมูลจากบริษัทดังกล่าวแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงบการเงินดังกล่าวผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นได้ ทำให้ตัวเลข ผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่ได้แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้

ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทในวันที่ 4 ตุลาคม 2547 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีเวลาในการพิจารณารายงานของผู้สอบ บัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง รวมทั้งรับทราบ คำชี้แจงของบริษัทโดยทั่วถึง

โดยตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2547 จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขหรือจนกว่า จะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว แต่เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการแก้ไขคุณสมบัติการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์จึงยังคงสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป

ก่อนหน้านี้ BSI ได้ส่งงบการเงิน แต่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน โดยอ้างว่านาย อนุรักษ์ ลีลาปิยะมิตร แห่งบริษัท บีดีโอ ริชฟิลด์ จำกัด เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สอบบัญชีใหม่ของ บริษัท แทนนายพิพัฒน์ ปุสยานนท์ ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีเดิม จึงมีเวลาในการตรวจสอบงบการเงินทั้งของบริษัทและบริษัทย่อยที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ไม่สามารถศึกษาถึงโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มบริษัทเพียงพอ เป็นผลทำให้การรับรู้ส่วนได้เสียในบริษัทย่อยนั้นไม่ถูกต้อง ทางผู้ตรวจสอบจึงได้ทำการแก้ไข งบการเงินไตรมาสที่ 1/2547 ใหม่ บริษัทจึงขอนำส่ง งบการเงินฉบับแก้ไข ซึ่งได้ปรับปรุงรายการและแก้ไข ใหม่ ซึ่งพบว่าบริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิสูงถึง 5,123.84 ล้านบาทนั้น เกิดจากขาดทุนเกินทุนของบริษัทย่อยที่รับรู้รายได้ในงบการเงินจำนวน 4,795.17 ล้านบาท และขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 522.06 ล้านบาท