|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
INLIFE เดินหน้าล้างขาดทุนสะสมที่มีกว่า 300 ล้านบาท ฟุ้ง 8 เดือนแรกมีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 58 ล้านบาท หรือขยายตัวสูงถึง 800% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนการทำงาน
นายวิชัย บัวสัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ไลฟ์ จอห์นแฮนคอค จำกัด (มหาชน) (INLIFE) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 8 เดือนแรก บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 58 ล้านบาท ซึ่งเทียบกับปีที่แล้วเติบโตถึง 800% โดยสาเหตุที่มีกำไรนั้นเนื่องจาก บริษัทผลิตเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้นเมื่อผลิตได้มากบริษัทก็นำเงินไปลงทุนเพื่อหาผลตอบแทน ซึ่งรายได้จากการลงทุนสามารถ ทำได้เกินเป้าที่ตั้งไว้
ปัจจุบันพอร์ตลงทุนของบริษัทมี 2,000 กว่าล้านบาท โดยแยกเป็นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และหุ้นกู้เอกชน 75% เงินฝากธนาคาร 7% และประมาณ 10% ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ การที่บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของตัวแทน และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสนับสนุนงาน เพิ่มความรวดเร็ว ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้
"เราไม่ได้คาดการณ์ว่าปีนี้มีกำไร เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาว่าสภาพการลงทุนจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามผลที่ออกมา 8 เดือน เรามีกำไร ในขณะที่สิ้นปี 2546 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 31 ล้านบาท" นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย กล่าวอีกว่า กำไรของบริษัทจะนำไปล้างขาดทุนสะสมที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนจะล้างขาดทุนได้เมื่อไรนั้นยังไม่สามารถบอกได้ ซึ่งตรงนี้คงต้องใช้เวลาเพราะบริษัทคงไม่ใช้วิธีเพิ่มทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม แต่จะใช้วิธีนำกำไรมาค่อย ๆ ล้าง ส่วนสาเหตุที่ทำให้บริษัทมีขาดทุนสะสมนั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ช่วงปี 2539-2540
ทั้งนี้ในครึ่งปีหลังเชื่อว่า บริษัทจะยังมีผลประกอบการที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้พยายามปรับประสิทธิภาพ บรรยากาศในการทำงานของตัวแทน รวมถึงการนำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ซึ่งช่วยสนับสนุนการทำงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น และทำให้บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้
"ตั้งแต่ต้นปี เราพยายามพัฒนาระบบเทคโนโลยีการจัดการ ตลอดจนคุณภาพตัวแทนให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผลจากตรงนี้อาจทำให้เบี้ยประกันภัยรับในครึ่งปีหลังของบริษัทเกินเป้าหมายได้"
สำหรับ 8 เดือนแรก บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 324 ล้านบาท โดยมีเบี้ยปีแรกประมาณ 30 ล้านบาท ส่วนอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์อยู่ที่ 87.4% โดยมีเบี้ยประกันภัยต่ออายุมีอัตราการเติบโตถึง 102% ซึ่งการที่เบี้ยฯต่ออายุขยายตัวมากนั้นเชื่อว่ามาจากการให้บริการของตัวแทน และบริษัทที่คอยสนับสนุนงานให้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทน 900 คน โดยมีตัวแทนที่แอกทีฟ เพียง 28% ซึ่งสิ้นปีนี้ บริษัทตั้งเป้าตัวแทน 1.2-1.3 พันคน ผลิตเบี้ยประกันภัยปีแรก 60 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับรวม 600 ล้านบาท
นายวิชัย ได้กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ซึ่งได้แก่ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น และราคาน้ำมันที่แพง อาจกระทบต่อบริษัทเล็กน้อย เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายที่ระมัดระวังขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ บริษัทไม่สามารถเข้ามาควบคุมได้ แต่ถ้ามองอีกมุม หากผู้บริโภคมีการวางแผนทางการเงินที่ดีก็จะช่วยลดความเสี่ยง จากภาระหรือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่รายได้กลับไม่เพิ่มตาม เพราะฉะนั้นการทำประกันชีวิตไม่ใช่แค่ประกันภัยอย่างเดียวแต่เป็นการจัดการวางแผนทางด้านการเงินในอนาคตด้วย
|
|
|
|
|