ที่มรดกแปลงนี้มีพื้นที่เพียง 200 ตารางวา เดิมทีเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น กฤช บัณฑิตยานนท์ เคยคิดจะพัฒนาเป็นโรงแรมมาครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ แต่โดนวิกฤติเศรษฐกิจกระหน่ำใส่จนต้องเลิกล้มความคิด

ปีที่ผ่านมา กฤชลงมือพัฒนาที่ดินแปลงนี้ใหม่โดยโฟกัสชัดเจนให้เป็นบูทีคดีไซน์เล็กๆกลางกรุงที่มีความเป็นไทยร่วมสมัย เรียบง่าย หรู มีรสนิยม

เป็นการพัฒนาที่ดินโครงการแรกในเมืองไทยหลังจากไปศึกษาต่อทางด้านวิศวฯ และทำงานในอเมริกานานถึง 16 ปี เขากลับเมืองไทยประมาณปี 2522 และทำธุรกิจด้านซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มาโดยตลอด

กฤชให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องของงานศิลปวัฒนธรรม และผลงานทางด้านศิลปะของศิลปินแขนงต่างๆ

เขาเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า เมื่อก่อนตนเองเป็นคนชอบสะสมพระเครื่อง แต่ต่อมาหลงใหลชื่นชอบงานศิลปะทางด้านภาคเหนือ เช่นงานของกลุ่มศิลปิน หน่อแก้ว ดังนั้นเมื่อสร้างโรงแรมขึ้นมา ก็ตั้งใจไว้ว่าต้องส่งเสริมผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ๆ และสล่าล้านนากลุ่มต่างๆ โดยจัดพื้นที่บริเวณล็อบบี้ชั้น 2 เป็นที่แสดงนิทรรศการหมุนเวียน และที่จำหน่ายผลงานของศิลปินตลอดทั้งปี

ขณะเดียวกันเมื่อมีเวลาว่างเขากับ ผศ.กมลพร ภรรยา ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปดูผลงานที่เป็นภูมิปัญญาไทยของชาวบ้านในจังหวัดต่างๆ และซื้อกลับมาเป็นของตกแต่งโรงแรม และจะปล่อยขายสินค้าเหล่านั้นทุกชิ้นเมื่อมีผู้ต้องการซื้อ หรือแนะนำให้ลูกค้าได้มีโอกาสไปเจอกับชาวบ้านที่สร้างสรรค์งานชิ้นนั้นๆ เป็นการเปิดช่องทางการตลาดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับชาวบ้านอีกทางด้วย

งาน Grand Opening เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2547 ที่ผ่านมา เขาได้จัดให้มีนิทรรศการ "สืบสานล้านนาศิลป์" โดยมีสล่าล้านนาหลายคน เช่น สล่าธนกร ไชยจินดา, สล่าบุญรัตน์ ณ วิชัย, สล่าสมทรัพย์ ศรีสุวรรณ์, สล่ากมล มูลก้อนแก้ว, สล่าสมนึก ชัยตามล และสล่าวารินทร์ ใจจันทึก มาร่วมแสดงผลงาน

ส่วนบริเวณชั้นล่าง เหล่าสล่าได้สอนงานศิลป์ต่างๆ ตามที่ตนถนัดให้แก่ประชาชนทั่วไป และกลุ่มนักเรียนของโรงเรียนต่างๆ ในย่านสุริวงศ์ บางรัก ทุกคนได้มาสัมผัส และพบกับศิลปินตัวจริง เป็นการสร้างสีสัน และความคึกคักทางด้านงานศิลปะบนถนนสุริวงศ์ได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งกฤช บัณฑิตยานนท์ กล่าวว่า บรรยากาศอย่างนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหมุนเวียนในโรงแรมแห่งนี้ตลอดทั้งปี