แม้ iPod จะประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย แต่ดูเหมือนจะไม่รวมถึง Apple
ในช่วง 3 ปีมานี้ นิตยสารธุรกิจต่างประเทศแทบไม่เคยขาดเรื่องราวและข่าวคราวของ Steve Jobs CEO ผู้ก่อตั้ง ผู้จัดการฝ่ายสื่อ และอื่นๆ อีกหลายอย่างของ Apple เช่นเดียวกับที่ Apple ก็ไม่อาจขาด Jobs ซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของ Apple ได้
เมื่อ Jobs ป่วยเข้าโรงพยาบาลในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อผ่าตัดมะเร็งตับอ่อนชนิดไม่ร้ายแรง และต้องพักฟื้น 1 เดือน หุ้นของ Apple ก็ตกลงทันที 2%
Jobs คือ Apple และบุคลิกของเขาก็คือบุคลิกของ Apple : ทันสมัยอิสระ เก่งเทคโนโลยีและร่าเริง Jobs คือผู้ผลักดันการออกแบบและการตลาดทุกอย่างของ Apple และเขายังเป็นผู้รับเครดิตไปเต็มๆ สำหรับความสำเร็จแบบถล่มทลายของเครื่องเล่นเพลง iPod (แทบ ไม่เคยมีผลิตภัณฑ์อื่นใดที่เคยทำรายได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียง 3 ปี)
แต่ Apple ไม่เหมือนกับ Dell, Intel หรือ Microsoft ที่วางตัวทายาทผู้สืบ ทอดอย่างเปิดเผยชัดเจน แต่ Apple ไม่มีเบอร์สองที่จะมาแทนที่ Jobs ได้เลย แม้ Timothy Cook หัวหน้าฝ่ายขายของ Apple ซึ่ง ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อนเลย จะรับหน้าที่บริหารชั่วคราว ระหว่างที่ Jobs พักฟื้นหลังการผ่าตัด แต่ก็ไม่มีทางที่เขา จะเป็นทายาทของ Jobs
คณะกรรมการบริหารของ Apple ยืนยันว่ามีแผนเกี่ยวกับผู้สืบทอด Jobs อยู่แล้วในกรณีที่ Jobs เกิดไม่สามารถบริหาร Apple ต่อไปได้ แต่ยังคงเก็บเป็นความลับ
ถึงแม้ iPod จะประสบความสำเร็จอย่างสุดประทับใจ แต่ไม่รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เหลือของ Apple มีผู้ประเมินว่า Apple ซึ่งมีมูลค่าตลาด 11,900 ล้านดอลลาร์ กลับจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 15,100 ล้านดอลลาร์ หากผ่าแยกบริษัทออกเป็นส่วนๆ และโยนธุรกิจเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ Macintosh ทิ้งไป (โปรดดูแผนภูมิประกอบ) เพราะส่วนแบ่งตลาดของเครื่อง Mac ในโลกที่ถูกครอบงำโดย Microsoft ในขณะนี้เหลือเพียงแค่ 2% เท่านั้น
ในทำนองเดียวกัน ถึงแม้มูลค่าหุ้นของ Apple จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายในเวลาเพียง 2 ปี และซื้อขายกันที่ 37 เท่าของประมาณการรายได้ของ Apple (เทียบกับ 25 เท่าของ Dell) แต่นั่นก็เป็น เพราะความสำเร็จของ iPod เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ปีที่แล้ว ยอดขาย iPod เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว โดยขึ้นไปถึงระดับ 890 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 12% ของยอดขายรวมของ Apple และมีสัดส่วน 30% ของรายได้ของ Apple ซึ่งอยู่ที่ระดับ 247 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นรายได้ก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยและผลกำไร ซึ่งเกิดขึ้นครั้งเดียว (nonrecurring items) Apple ยังขายเพลงผ่าน iTunes เว็บไซต์ดาวน์โหลดเพลงของตนได้เกือบ 90 ล้านดอลลาร์ต่อปี
การที่ Apple จะหวังพึ่ง iPod อย่างเดียว เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ขณะนี้ Mini iPod ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมของ Apple กำลังขาดตลาด และ Apple ก็ผลิตไม่ทัน ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Dell, Sony, Gateway, Creative Labs และ Rio ก็กำลังดาหน้ากันออกเครื่องเล่นเพลงใหม่ๆ ก่อนจะถึงคริสต์มาสปีนี้ บางรายตั้งราคาต่ำกว่า iPod Mini ซึ่งมีราคา 249 ดอลลาร์ และบางรายก็ออกแบบแบตเตอรี่ให้เล่นเพลงได้ยาวนานกว่า คู่แข่งจากสิงคโปร์รายหนึ่งถึงกับลอกเลียนหูฟังสีขาวและรูปลักษณ์ที่สวยทันสมัยของ iPod อย่างเปิดเผย
นอกจากนี้ ส่วนต่างกำไรของ iPod ก็กำลังหดตัวลงจากระดับสูงสุด 13% ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ราคาของเครื่อง iPod ลดลงอย่างมากในปีนี้ จนทำให้ Apple จะ ต้องทำยอดขายเพิ่มขึ้นอีกถึง 20% ในปีหน้า จึงจะสามารถรักษาระดับกำไรให้คงเดิมได้ (แต่ก็คงไม่มีปัญหา เพราะนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้แล้วว่า ความต้องการบริโภคเครื่อง iPod จะเพิ่มขึ้นถึง 70% ในปีหน้า)
ราคาที่ตกต่ำจะไม่กระทบ Apple เลย หาก Apple จะมีประสิทธิภาพดีขึ้นเหมือนอย่าง Dell แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น ขนาดในปี 2000 ซึ่ง Apple ยังมียอดขายรวมมากกว่ายอดขายในปัจจุบัน 4% Apple ก็ยังมีส่วนต่างกำไรจากการดำเนินการเพียงแค่ 9% เท่านั้น ยิ่งมาถึงวันนี้ ส่วนต่างกำไรของ Apple ยิ่งลดต่ำลงไปอีก เหลือเพียงแค่ 3% เท่านั้น
แต่จำนวนพนักงานซึ่งเพิ่มขึ้น 32% จากปี 2000 กลับมียอดขายต่อคนลดลงจาก 930,000 ดอลลาร์ เหลือเพียง 674,000 ดอลลาร์
Apple เคยหวังว่าความสำเร็จของ iPod จะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ให้แก่เครื่องตระกูล Mac ทั้งเดสก์ท็อปและ iBook ซึ่ง ยอดขายกำลังแน่นิ่ง แต่ยังคงมีสัดส่วนถึง 64% ของการขาย แต่ยอดขายเครื่อง Mac และ iBook ก็ยังคงจอดสนิท ซึ่งส่วนหนึ่งคงต้องโทษการหวงแหน software design เครื่อง Mac ของ Jobs เอง ซึ่งทำให้เครื่อง Mac ใช้ได้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple เท่านั้น
Jobs ยังทำเช่นเดิมกับ iPod อีกด้วย โดย iPod จะเล่นเพลง ที่ดาวน์โหลดจากเว็บ iTunes เท่านั้น และจะไม่เล่นเพลงที่ดาวน์โหลดมาจากที่อื่นๆ ส่วนเพลงที่ดาวน์โหลดจากเว็บ iTunes ก็เช่นกัน จะเล่นได้กับเครื่อง iPod เท่านั้น
แต่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา RealNetworks ได้เปิดเผยว่า สามารถทำให้เครื่อง iPod เล่นเพลงที่โหลดมาจากเว็บอื่นที่ไม่ใช่ iTunes ได้แล้ว และได้เสนอราคาดาวน์โหลดเพลงจากเว็บของ Real ที่ถูกกว่า iTunes จาก 99 เซ็นต์ เหลือ 49 เซ็นต์
Apple รับรู้ข่าวนี้ด้วยความตกตะลึง แต่ก็มิได้ห้ามปรามอะไร เพียงแต่บอกว่าจะตรวจสอบทางกฎหมายว่า RealNetworks มีสิทธิ์ทำเช่นนั้นได้หรือไม่
ราคาที่ตกต่ำลง การหวงการออกแบบที่ตนเป็นเจ้าของ และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากคู่แข่งที่ดาหน้าออกมาชน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Microsoft ทั้งหมดนี้จะทำให้ iPod ต้องเดินตามรอยเครื่องตระกูล Mac หรือไม่ คงต้องคอยดูกันต่อไป
|