Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 กันยายน 2547
MAJOR ฟุ้งควบ EGV รายได้พุ่ง50%เล็งดันแคลิฟอร์เนียเข้าตลาดปลายปีนี้             
 


   
www resources

โฮมเพจ เมเจอร์ซินีเพล็กซ์
โฮมเพจ อีจีวี

   
search resources

อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นต์, บมจ.
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, บมจ.
Theatre




MAJOR เตรียมกล่อมนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามารับฟังการนำเสนอข้อมูลในงาน "ไทยแลนด์ โฟกัส 2004" ระบุหลังควบกิจการ ระบุรุกคืบในธุรกิจต่างๆ ดันรายได้รวมพุ่งกระฉูด 50-60% พร้อมดัน "แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส" เข้าตลาดหุ้นปลายปีนี้ อุบไต๋ขยายธุรกิจร่วมกับแกรมมี่

นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) เปิดเผยว่า MAJOR จะนำเสนอข้อมูลพื้นฐานของบริษัท ให้กับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจรับฟัง ในวันที่ 22 กันยายนนี้ ในงาน "ไทยแลนด์ โฟกัส 2004" ซึ่งจะมีการชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจภาพยนตร์ในไทยว่าอนาคตจะมีอัตราการขยายตัวมากน้อยเพียงใด

โดยจะมีการชี้แจงเกี่ยวกับแผนควบรวมกิจการ ระหว่าง MAJOR กับ บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (EGV) ว่ามีความคืบหน้ามากน้อยเพียงใด และภายหลังจากที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจต่อเนื่องมี ส่วนทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ก่อนหน้า MAJOR ได้ประกาศขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ ประกอบด้วย เข้าไปถือหุ้นใน บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SF) ในสัดส่วน 20% โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเข้าไปลงทุนเช่าพื้นที่ ซึ่งส่วนหนึ่งจะส่งผลดีกับการที่ MAJOR ไปเปิดโรงภาพยนตร์

ขณะเดียวกัน ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัท นนทนันท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศ และเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายหนังให้กับโรงภาพยนตร์ พร้อมกับจำหน่ายในรูปแบบวีซีดี โดยเข้าไปถือหุ้นกว่า 80% เพื่อเสริมศักยภาพการทำธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทแคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส โดยล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น California wow Xperience โดยถือหุ้น 49% ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการฟิตเนส และปัจจุบันได้ขยายไปตามพื้นที่โรง ภาพยนตร์ Major และ EGV

ล่าสุด ได้เข้าไปลงทุนใน บริษัท แปซิฟิก มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ้ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ให้กับโรงภาพยนตร์ โดยถือหุ้น 80% มูลค่าการลงทุน 80 ล้านบาท เพื่อบุกธุรกิจโฮมวิดีโอ

"หลังจากที่เราขยายการลงทุนในธุรกิจที่ต่อเนื่อง และการควบกับ EGV จะทำให้แนวโน้มราย ได้รวมของเราเพิ่มขึ้นกว่า 50-60% เนื่องจากมีขนาดสินทรัพย์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเน้นการขยายตัวการดำเนินธุรกิจแบบอนุรักษนิยม ที่มีการขยายตัวของรายได้รวมเฉลี่ยที่ 30%"

ส่วนความคืบหน้าในการนำหุ้นของบริษัท เป็น California wow Xperience เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าในปลาย ปีนี้จะสามารถนำเข้าจดทะเบียนได้อย่างแน่นอน

ขณะที่ นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ เพื่อรายงานความคืบหน้าในการควบกิจการกับ EGV ว่า ในวันที่ 21 กันยายน 2547 จะเป็นวันสุดท้ายที่นักลงทุนสามารถซื้อหลักทรัพย์ของอีจีวีในตลาด หลักทรัพย์ โดย MAJOR ได้จัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) ของ EGV ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนของ MAJOR แลกเปลี่ยนกับหลักทรัพย์ของ EGV โดยมีระยะเวลารับซื้อหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2547 ถึง วันที่ 27 กันยายน 2547 ซึ่ง MAJOR และ EGV ได้แจ้งว่าผู้ถือหลักทรัพย์ของ EGV ที่จะนำหลัก-ทรัพย์ของตนมาเสนอขายตามคำเสนอซื้อของ MAJOR จะต้องซื้อหลักทรัพย์ของ EGV ภายในวันที่ 21 กันยายน 2547 จึงจะสามารถนำ หลักทรัพย์มาเสนอขายให้แก่ MAJOR ได้ภายในวันที่ 27 กันยายน 2547

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าลงทุนในบริษัท แปซิฟิก มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ้ป จำกัด โดยเข้าไปซื้อหุ้นสามัญจำนวน 1.2 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัทดังกล่าว ดำเนินธุรกิจ นำเข้า และจัดจำหน่าย ภาพยนตร์ มีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท และชำระแล้ว 3 ล้านบาท (ราคามูลค่าหุ้นละ 10 บาท) และจะดำเนินการเพิ่มทุนอีก 12,000,000 บาท คิดเป็นทุนจด-ทะเบียน 15,000,000 บาท ต่อไป ทั้งนี้ Major มอบหมายให้ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ Major ประเมินว่าเป็น การขยายธุรกิจที่ใกล้เคียง เกี่ยวเนื่อง และเสริมกับธุรกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยสามารถที่จะขยายตัวได้อีกมากในอนาคต เข้าไปในตลาดโฮมวิดีโอ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ได้ในอนาคต โดยใช้เม็ดเงินจากการกู้สถาบันการเงิน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us