กว่า 70 ปีมาแล้วที่ความร้อนและแรงของเตา Aga ยังเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้เสมอ
David Mamet นักเขียนชาวอเมริกันเคยพูดถึงอะก้าไว้ว่า เป็น "สิ่งที่ดีที่สุดของอังกฤษ"
เช่นเดียวกับ Rolex Explorer และรถ Land Rover ที่เป็น "ของสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ"
คำกล่าวนี้อาจฟังดูเกินจริง เมื่อนึกถึงเตาเหล็กหล่อทรงโบราณที่ยังคงรักษารูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่เมื่อ
70 ปีก่อน แต่ Aga ก็ยังครองตำแหน่งเตายอดนิยม ครองใจ ผู้ใช้ 5 แสนคนทั่วโลก
และกลายเป็น "ส่วนหนึ่งของครอบครัว และเป็นหัวใจของบ้าน" เรื่อยมา
ผู้ใช้บางคนถึงกับบอกว่า "Aga เป็นวิถีชีวิต" เหตุผลหนึ่งก็คือ Aga เป็นเตาที่ไม่เคยปิด
จากเดิมที่ใช้ไม้หรือถ่านเป็นเชื้อเพลิง เปลี่ยนมาเป็นน้ำมัน, แก๊ส หรือไฟฟ้า
แต่เตา Aga หนัก 500 กิโลกรัมเตานี้ยังคงรักษาความ ร้อนตลอดเวลา จึงพร้อมเสมอที่จะอบไก่งวง
ตั้งกาน้ำร้อน หรืออบขนมเค้กได้ทั้งวันทั้งคืน ผิวหน้าเตาเคลือบสีสดใสมันเงา
ให้ความอบ อุ่นอย่างคงที่ จึงดึงดูดให้สมาชิกในครอบครัว มารวมอยู่ด้วยกันที่หน้าเตา
ที่เป็นเหมือนหัวใจของบ้าน บางบ้านถึงกับตั้งชื่อเฉพาะให้เตา Aga เสียด้วยซ้ำ
เตา Aga นั้นผลิตโดยบริษัท Aga-Rayburn (www.aga-rayburn.co.uk) ใน Shropshire
ทางตะวันตกของประเทศอังกฤษ ปัจจุบันบริษัทแห่งนี้เป็นของ "Aga Foodservice
Group" อย่างไรก็ดี เตา Aga ไม่ได้เป็นของอังกฤษมาแต่เดิม แต่สร้างสรรค์ขึ้นโดยนักฟิสิกส์รางวัลโนเบลชาวสวีเดน
"Gustaf Dalen" เมื่อทศวรรษ 1920
Dalen เป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีให้กับประภาคาร แต่หลังจากสูญเสียการมองเห็นเนื่อง
จากการทดลองเกี่ยวกับแก๊สแรงอัด Dalen จึงหันมาสนใจที่จะนำวิทยาศาสตร์มาใช้ภายในบ้าน
ช่วงนั้นเตาส่วนใหญ่จะให้อุณหภูมิไม่คงตัว Dalen จึงคิดค้นเตาเหล็กหล่อแบบใหม่ที่เก็บความร้อนได้ดี
และใช้เชื้อเพลิงน้อย ความร้อนที่แผ่ออกมาอย่างคงที่ยังทำให้อาหารที่ปรุงเสร็จไม่แห้งเกรียมด้วย
Dalen ตั้งชื่อเตานี้ตามชื่อบริษัทของเขาคือ "Svenska Aktiebolaget Gas Accumulator"
รูปทรงของเตา Aga เป็นเตาเหล็กแบบ 2 หัวเตา ด้านบนครอบไว้ด้วยแผ่นแบนๆ
2 ใบ เพื่อรักษาความร้อนให้คงตัวนั้น ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมที่ออกแบบโดยดาเลน
และไม่มีการเปลี่ยน แปลงใดๆ จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีการเพิ่มเตา
Aga รุ่น 4 เตาด้วย
Aga เริ่มนำเข้ามาในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1929 โดยโรงงานเก่าแก่ "Coalbrookdale"
ใน Shropshire เตา Aga แต่ละชุดทำขึ้นโดยเฉพาะด้วยแรงงานคน ทั้งยังเคลือบเงาอย่างดี
ทำให้มีราคาแพงมาก คือราวๆ 7,000 ถึง 15,000 เหรียญ และเป็นที่นิยมเฉพาะในครัวเรือนของเมืองใหญ่ๆ
ที่มั่งคั่ง เตา Aga กลายเป็นเครื่องประดับที่ทันสมัย และต่อมาได้รับการแนะนำลงนิตยสารชื่อดังในสมัยนั้น
จึงยิ่งทำให้เกิดความแพร่หลาย แม้แต่คฤหาสน์ของราชวงศ์ก็ยังมีเตา Aga พระเอกยอดนิยม
Mel Gibson และ Tony Blair นายกรัฐมนตรีของอังกฤษก็ใช้เตานี้ก่อนที่จะย้ายมาที่ถนนดาวนิ่งที่
10 ในหนังสือนวนิยายร่วมสมัย Aga กลายเป็นชื่อเรียกครอบครัวสมัยใหม่ที่มีวิถีชีวิตสืบทอดจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง
โดยมีครัวที่มีเตา Aga เป็นศูนย์กลาง
กระแสนิยม Aga ยิ่งมีมากขึ้นเมื่อเตา Aga ปรากฏโดดเด่นในหนังสืออาหารชั้นนำ
มีการจัดหลักสูตรสอนการทำอาหารโดยพ่อครัวและกุ๊กชั้นนำทั่วประเทศ รวมไปถึงนิตยสารรายไตรมาส
ก็มีรูปภาพครัวหรูหราที่ใช้เตาดังกล่าว
ถึงแม้จะเป็นเตาที่ได้รับความนิยมมาก แต่ผู้ที่เริ่มใช้เตา Aga ครั้งแรกคงจะต้องปรับตัวนานพอดู
เพราะที่เปิดเตาไม่มีหูจับ แต่ใช้วิธียกเปิดปิดเหมือนประตู ที่สำคัญ คือ
ไม่มีปุ่มปรับอุณหภูมิของแผ่นร้อนหรือ หัวเตา แต่ผู้ใช้ต้องเลือกแบบเตาที่เหมาะ
สมและวางตำแหน่งของภาชนะที่จะอุ่นร้อนให้ดี
ทว่านี่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับลูกค้า รายใหม่จำนวน 7,000 รายเมื่อปีที่แล้ว
โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าชาวอังกฤษเสีย 80% Geoff Harrop กรรมการบริหารของ
Aga-Rayburn อยากเห็นเตา Aga ขยายสู่ตลาดอเมริกัน ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าปีละ
400 ราย บวกกับอีก 10,000 รายที่เป็นเจ้าของ Aga อยู่แล้ว ส่วนในฝรั่งเศสและ
เนเธอร์แลนด์นั้น ธุรกิจของ Aga โตเต็มที่แล้ว บริษัทได้ประกาศเป้ายอดขายไว้ที่
10,000 เตาภายในระยะเวลา 2 ปี