Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 กันยายน 2547
Q-CON ตั้งเป้ายอดขายปี 48 โต 100%หลังเปิดตัว4โรงงาน-เล็งส่งออกตปท.             
 


   
search resources

ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ , บมจ.
Cement




Q-CON เจ้าตลาดผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบา ตั้งเป้ายอดขายปีหน้าพุ่งกระฉูด 2 พันล้านบาท หรือโตกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 1 พันล้านบาท หรือขยายตัว 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในปีหน้าเตรียมเปิดโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่ง รองรับการผลิต 12 ล้านตารางเมตร ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะมีการใช้กำลังการผลิตประมาณ 10.5 ล้านตารางเมตร เล็งขยายฐานตลาดส่งออกประมาณ 10% ส่วนที่เหลือเป็นการใช้ในประเทศ โดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าภาครัฐเพิ่มเป็น 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดขายจากภาครัฐ 7-8% ของยอดขายทั้งหมด

นายพยนต์ ศักดิ์เดชยนต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (Q-CON) เปิดเผยว่า ในปี 2548 บริษัทเตรียมเปิดโรงงานผลิตคอนกรีตมวลเบาเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และนิคมอุตสาหกรรมระยอง มูลค่าการลงทุน 1,450 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิต 12 ล้านตารางเมตรต่อปี จากปัจจุบันมีโรงงาน 2 แห่ง ที่นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีกำลังผลิตแห่งละ 3 ล้านตารางเมตร ซึ่งในปีนี้โรงงานแห่งที่สองที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไตรมาส 2 เริ่มมีการผลิต ซึ่งจะทำให้ปีนี้ทั้งปีจะมียอดการใช้กำลังการผลิตประมาณ 4.5 ล้านตารางเมตร

สำหรับยอดขายในปี 2547 หลังเปิดตัวโรงงานแห่งที่สอง คาดว่าจะทำให้ยอดขายในปีนี้เพิ่มเป็น 1,000 กว่าล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มียอดขายประมาณ 733 ล้านบาท ส่วนในปี 2548 หลังเปิดโรงงานเพิ่มเป็น 4 แห่ง ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีกำลังการผลิตประมาณ 10.5 ล้านตารางเมตร เนื่องจากโรงงานแห่งที่ 4 เปิดตัวในช่วงปลายปี ทำให้การผลิตยังใช้ไม่เต็มที่ ซึ่งจุดนี้จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นสูงกว่า 2 พันล้านบาท ในปี 2548 หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100%

ส่วนผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายรวม 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 343 ล้านบาท และแนวโน้มในไตรมาส 3 คาดว่ายอดขายจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน เนื่องจากการที่โรงงานแห่งที่ 2 ที่เพิ่งเปิดตัวเริ่มมีการผลิตป้อนตลาดมากขึ้น

"ในปีหน้า หลังจากที่มีการเปิดตัวโรงงานแห่งที่ 3 ในไตรมาส 1 และโรงงานที่ 4 ในไตรมาส 3 จะทำให้กำลังการผลิตมากขึ้น บริษัทจึงมีแผนนำผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบาที่ผลิตส่งออกไปขายยังต่างประเทศประมาณ 5-10% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ขณะที่ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในส่วนของโครงการสาธารณูปโภคของภาครัฐที่จะเกิดขึ้น 10% เพิ่มจากปี 2547 ที่คาดว่าจะมียอดขายจากโครงการรัฐ 7-8% ขณะที่ในปี 2546 มียอดขายจากภาครัฐเพียง 3-4% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตเพื่อป้อนให้กับพันธมิตรที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทคือ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ควอลิตี้เฮาส์,เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 48% ของยอดขาย และขายให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ และเอเย่นต์"

นายพยนต์กล่าวว่า ในส่วนของโครงการที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐในปีหน้าจะเกี่ยวข้องกับการโครงการก่อสร้างเมืองใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ กับสนามบินสุวรรณภูมิ ศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ หรือโครงการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับนโยบายของ Q-CON ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) ไม่ให้ต่ำกว่า 50% โดยปัจจุบันถือเป็นบริษัทที่มีมาร์เกตแชร์อันดับหนึ่ง ในธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบา โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 75% หรือมียอดขายเฉลี่ยกว่า 3 ล้านตารางเมตร

ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2547 มีการขออนุญาตก่อสร้างรวม 60 ล้านตารางเมตร และคาดว่าในปีหน้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 25% ซึ่งทำให้เห็นแนวโน้มความต้องการของตลาดมีมากขึ้น โดยปัจจุบันผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์มวลเบามีเพียง 2 รายที่เป็นเจ้าตลาดคือ Q-con และซุปเปอร์บล็อค และคาดว่าในปีนี้การใช้ผลิตภัณฑ์มวลเบาจะอยู่ที่ 10% และเพิ่มเป็น 15% ในปีหน้า ของปริมาณงานก่อสร้างที่ขออนุญาต

สำหรับโครงสร้างการเงินของบริษัท หลังเปิดตัวโรงงาน 3 และ 4 ที่ใช้เงินลงทุนกว่า 1,450 ล้านบาท ซึ่งกู้เงินจากสถาบันการเงินประมาณ 1.2 พันล้านบาท โดยสถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 4% ต่อปี ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มจาก 0.25 เท่า ในปัจจุบัน เพิ่มเป็น 0.8 เท่า

นายพยนต์ กล่าวว่า การที่บริษัทได้เปิดโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่ง ในภาคตะวันออกในปีหน้า เนื่องจากต้องการขยายตลาดไปสู่ต่างจังหวัด ให้มากขึ้น และที่สำคัญเพื่อลดต้นทุนการขนส่งให้กับลูกค้าของบริษัท เนื่องจากปัจจุบันราคาสินค้าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2,100-2,200 บาทต่อคิว หากขายในกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่เมื่อส่งไปยังต่างจังหวัดในภาคตะวันออกต้นทุนค่าขนส่งจะเพิ่มขึ้น 600-700 บาท หรือราคาขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3,000 บาทต่อคิว ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือค่าขนส่งจะอยู่ที่ 450 บาทต่อคิว หรือราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 2,650-2,750 บาทต่อตัน

โดยในแผนการดำเนินงานในช่วงต่อไป Q-CON มีแผนที่จะเปิดโรงงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่นกัน เนื่องจากต้องการขยายฐานตลาดผลิตภัณฑ์คอนกรีต มวลเบาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us