Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 กันยายน 2547
โบกมือลา "ฌอน คอลลิกัน" หลังทำยอดโนเกียโต100%             
 


   
www resources

โฮมเพจ โนเกีย ประเทศไทย

   
search resources

โนเกีย (ประเทศไทย), บจก.
ฌอน คอลลิกัน
Mobile Phone




โนเกียไทยเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ฌอน คอลลิกัน ย้ายไปดูแลออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ในขณะที่ประเทศไทยรอผู้บริหารจากสิงคโปร์ เปิดผลงานประทับใจทำยอดขายโนเกียโตเท่าตัว ผลจากการปลดล็อกรหัสประจำเครื่องและการเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมมือถือครั้งใหญ่ที่ให้เจ-มาร์ทและ บลิสเทล ขายโนเกียได้

นายฌอน คอลลิกัน กรรมการผู้จัดการ โนเกีย โมบาย โฟนส์ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) กล่าวว่าจะเข้ารับตำแหน่ง Country Manager รับผิดชอบประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่จะถึงนี้ โดยตำแหน่งในประเทศไทยจะมีผู้บริหารระดับสูงที่ปัจจุบันประจำประเทศสิงคโปร์ในตำแหน่ง Regional Director เข้ามารับผิดชอบตลาดประเทศไทยแทน

"ผู้บริหารคนใหม่มีประสบการณ์ ในธุรกิจโทรคมนาคมกว่า 17 ปีทั้งในระดับโอเปอเรเตอร์และดูแลหลายแบรนด์ เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับโนเกีย 2 ปี โดยจะมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. เช่นเดียวกัน"

ฌอนเข้ามาเป็นกรรมการ ผู้จัดการในประเทศไทยตั้งแต่ 1 มี.ค. 2545 โดยรับผิดชอบด้านการปฏิบัติการ การบริหาร และการตลาดของโทรศัพท์มือถือโนเกีย ทุกรุ่นในประเทศไทย ซึ่งในช่วง เกือบ 3 ปีของการบริหาร ฌอนทำให้ยอดขายของโนเกียเพิ่มขึ้นเท่า ตัวหรือ 100% โดยเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ด้วยการปลดล็อกรหัสประจำเครื่องโทรศัพท์มือถือหรืออีมี่ของโอเปอเรเตอร์ รวมทั้งการที่โนเกียปรับกลยุทธ์ทำงานใกล้ชิดกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจอย่างเจ-มาร์ทและบลิสเทล เป็น 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดขายโนเกียเพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วงระหว่างการบริหารงานของฌอน

เขากล่าวว่า การเติบโตของตลาดในประเทศไทยในช่วงต่อไปนี้จะมาจากปัจจัย 2 ด้านคือ 1.เทคโนโลยีใหม่ๆ ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า เชื่อว่าจะมีการให้ใบอนุญาตรวมทั้งจัดสรรความถี่ในย่าน 3 G ถึงแม้จะไม่มีผลในระดับให้บริการ แต่ก็น่าจะเกิดในระดับให้ใบอนุญาต และ 2.คนส่วนใหญ่ยังใช้การสื่อสาร ด้วยเสียง ซึ่งเป็นความท้าทายของโอเปอเรเตอร์ในการให้บริการด้วยโลว์คอสต์ โปรดักต์และค่าบริการที่ถูกลง ซึ่งเป็นตลาดที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองและมีโอกาสเติบโต

ในมุมมองของฌอน เห็นว่าตลาดประเทศไทยสามารถแบ่งได้ 2 กลุ่มคือกลุ่มผู้เริ่มใช้งานครั้งแรก หรือตลาดต่างจังหวัดหรือในพื้นที่ห่างไกลที่มีโอกาสขยายตัว และกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ เหมือนในต่างประเทศ

"พฤติกรรมคนไทย ยังมีความต้องการโทรศัพท์แฟชั่น มีสไตล์ การออกแบบที่สวยงามและเทคโนโลยี ไม่ต่างจากต่างประเทศอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ หรือยุโรป และมีคนที่เปลี่ยนเครื่องเร็วกว่า 12 เดือนจำนวนมาก"

นายฌอน คอลลิกันกล่าวสรุปภาพการทำงานในประเทศไทยว่าการที่โนเกียมีส่วนแบ่งตลาดในตำแหน่งที่ดีและมีความใกล้ชิดกับพาร์ตเนอร์มาจากโนเกียประเทศไทย มีทีมงานที่มีศักยภาพ มีความรู้และเข้าใจตลาดประเทศไทยดี ซึ่งตอนแรกที่เข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทยก็จะต้องมีช่วงการเรียนรู้ ซึ่งเป็น ช่วงที่ตลาดประเทศไทยมีการเปลี่ยน แปลงมาก

กลยุทธ์หลักที่โนเกียใช้คือการปรับกลยุทธ์ที่เป็นนโยบายจากต่างประเทศให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนไทย โดยสิ่งที่โนเกียพยายามทำคือให้ ผู้บริโภคมีโอกาสสัมผัสกับแบรนด์โนเกียอย่างครบวงจรไม่ใช่แค่การซื้อผลิตภัณฑ์ แต่รวมถึงการให้บริการหลังการขาย โปรแกรมด้านบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าหรือ CRM รวมทั้งโครงการตอบแทนให้สังคม

"การก๊อบปี้นโยบายต่างประเทศมาทั้งหมดเป็นเรื่องง่ายแต่การสร้างสิ่งใหม่ๆเป็นเรื่องท้าทาย"

สำหรับงานใหม่ของฌอน ถือเป็นการทำธุรกิจในสภาพตลาดที่อยู่ในจุดอิ่มตัว (Matual Market) เพราะออสเตรเลียมีประชากรมือถือ 80% จำนวนประชากร 20 ล้านคนมีคนใช้มือถือถึง 16 ล้านคนแล้ว ตลาด ที่มีโอกาสคือ การเปลี่ยนเครื่อง (Replacement) ต่างจากประเทศไทยที่ตลาดยังมีโอกาสเติบโต ในขณะที่ความท้ทายในออสเตรเลียคือการเปิดบริการโทรศัพท์มือถือ 3G ในปี 2005   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us