ตลท.เปิดเผยผลตรวจสอบ SCIB-C1 รอบสอง ยืนยันไม่พบปั่นหุ้น เหตุการซื้อขายไม่กระจุกตัวมีนักลงทุนแห่เข้าเก็งกำไรมากกว่า 3 พันราย แต่เทรดในลักษณะเล่นเน็ตฯเกินกว่า 50% ขาใหญ่สุดเทรดในสัดส่วน 2.11% พร้อมระบุไม่พบรายชื่อนักการเมืองและนอมินี ด้าน "สมคิด" ขุนคลังย้ำ ก.ล.ต.ไม่ได้เรียก มาในฐานะผู้ต้องหา

นางภัทรียา เบญจพลชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ ของธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) และใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ของธนาคารนครหลวงไทย (SCIB-C1) ในช่วงวันที่ 11-13 สิงหาคม 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วง ที่ราคาหุ้นมีความผันผวนและมีปริมาณการซื้อขายจำนวนมาก ซึ่งพบว่า SCIB-C1 นั้นจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับหุ้นแม่

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีความผันผวนอย่างมากเพราะได้รับผลกระทบจากกรณีของธนาคารกรุงไทยที่ต้องตั้งสำรองเพิ่ม รวมถึงภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 595.60 จุด

จากการตรวจสอบของตลาดพบว่าการซื้อขาย SCIB-C1 มีลักษณะเก็งกำไรระยะสั้นโดยมีนักลงทุนจำนวนมากกว่า 3 พันรายเข้ามาเก็งกำไรมีการซื้อขายที่กระจาย และพบว่าซื้อขายแบบชำระราคาสุทธิ (Net Settlement) เกินกว่า 50% และมีนักลงทุนรายใหญ่ 30 รายแรกมีมูลค่าซื้อขายรวมกันน้อยกว่า 25% โดยลูกค้าที่ซื้อขายสูงสุดมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อ ขาย 2.11% ของมูลค่าการซื้อขายรวม และเมื่อพิจารณาการซื้อขายในแต่ละช่วงเวลาที่ราคาแกว่งตัวและมีข้อ สังเกตว่าอาจมีการสร้างราคานั้นผู้ที่ซื้อขายสูงสุดในแต่ละช่วงมีสัดส่วนที่ไม่มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว

ดังนั้น จึงยังไม่พบการซื้อขายในลักษณะที่เข้าข่ายการสร้างราคา ซึ่งตลท.ได้นำผลตรวจสอบส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของ ตลท.ถือว่าตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว แต่ถ้า ก.ล.ต. ต้องการให้ตรวจสอบในส่วนใดเพิ่มก็จะดำเนินการ

"จากการตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าซื้อหุ้นในวันและเวลาดังกล่าว ไม่พบรายชื่อที่นายเอกยุทธ อัญชันบุตรอ้างถึงแต่อย่างใด" นางภัทรียา กล่าว

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯกล่าวว่า ตลท.พัฒนาระบบตรวจสอบมานาน และครั้งนี้ถือว่าเป็นการตรวจสอบเพื่อยืนยันอีกครั้งซึ่งก็ไม่พบว่ามีการสร้างราคา และพบว่าผู้ที่เข้ามาซื้อขายไม่มีรายชื่อนักการเมือง หรือการใช้นอมินีแต่อย่างใด "ลักษณะการซื้อขายเป็นการเก็งกำไรแบบเน็ตเซตเทิลเมนต์ที่สูงมาก โดยในวันที่ 11 สิงหาคม อยู่ที่ระดับ 42% และในวันที่ 13 สิงหาคมอยู่ที่ระดับ 53%"

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การที่สำนักงาน ก.ล.ต. เรียกนายเอกยุทธ เข้าให้ข้อมูลการปั่นหุ้นแก่ ก.ล.ต. ไม่ได้เป็นการเรียกมาเพื่อให้ปากคำในฐานะผู้ต้องหา แต่เมื่อนายเอกยุทธกล่าวอ้างว่ามีข้อมูลนักการเมืองปั่นหุ้น จำเป็นต้องมาให้ข้อมูลเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่ง ก.ล.ต. ย่อมให้ความเป็นธรรมแก่นายเอกยุทธอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ก.ล.ต. และตลท.นำข้อมูลที่ได้จากนายเอกยุทธ มาประมวลผลกับตัวเลขการซื้อขายหุ้น SCIB -C1 ในช่วงที่สงสัยว่ามีการปั่นหุ้น ซึ่งหากประมวลแล้วปรากฏว่า ไม่พบว่ามีการปั่นหุ้นจริง ก็ให้แถลงข่าวต่อสาธารณชนเพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว

"ทางก.ล.ต. และตลท.ยืนยันมาแล้วว่าหุ้น SCIB -C1 ไม่มีการปั่นแน่นอน ผมเลยบอกว่าถ้าไม่มีก็ให้แถลงเลย จะได้ไม่มีข้อคลางแคลงใจ เพราะข่าวอย่างนี้ ทำให้ตลาดหุ้นไทยเสียหาย และเมื่อไม่มีการปั่นหุ้น ต่อไปก็เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายต้องจัดการกันเอง"