"มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" ปักธงรบปีหน้าดันเอ็มคอททีวี พร้อมฮับข่าวแห่งเอเชียเต็มแรง เดินหน้าเจรจาสำนักข่าวต่างประเทศพร้อมเดินเครื่องผนึกเป็น แลนด์เบส กับสถานีเป้าหมายหลัก เปิดผังใหม่โมเดิร์น ไนน์เฟส 5 ชูสังคมอุดมปัญญาเป็นแม่แบบทำรายการ เผยผู้จัดรายเก่ายักษ์ใหญ่อยู่พร้อมหน้า
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายในปีหน้ามีแผนที่จะมุ่งเน้นโครงการเอ็มคอททีวี (MCOT TV) เต็มที่ซึ่งเป็นการช่องรายการภาษาอังกฤษ โดยเตรียมเดินทางไปต่างประเทศประมาณ 20 ประเทศ เป้าหมายหลักเพื่อเจรจากับพันธมิตร เพื่อให้เป็นแลนด์เบสในการนำช่องเอ็มคอททีวีไปเผยแพร่ ซึ่งจะทำให้รายการของชาวเอเชียเผยแพร่สู่ยุโรปได้มากขึ้น
พร้อมกับการมุ่งสู่การเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารหรือฮับแห่งเอเชีย ซึ่งจะเดินหน้าเจรจากับสำนักข่าวต่างประเทศมากขึ้น เพื่อร่วมมือกันในด้านข่าว ซึ่งในเดือนนี้เตรียมเดินทางไปเจรจากับสำนักข่าว RAI INTERNATION ของอิตาลีและยังมีโรดโชว์ตามตลาดหลักทรัพย์หลัก ๆ ของโลกประมาณ 7 แห่ง
ขณะนี้มีสำนักข่าวต่างประเทศที่เป็นพันธมิตรกันแล้วเช่น ซีซีทีวีของจีน เคบีเอสของเกาหลี เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นและทีวีไฟว์ของยุโรป ซึ่งเป้าหมายเพื่อต้องการให้เป็นหน้าต่างของโลกตะวันออก
นอกจากนั้น ในปีหน้าจะเป็นปีแห่งการลงทุนมากกว่าทุกปี ในแง่ของการสร้างความพร้อม ทั้งในแง่ของอุปกรณ์ อาคารทำการ ซึ่งล่าสุดเตรียมใช้งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท สร้างอาคารจอดรถและอาคารสันทนาการต่างๆ ส่วนธุรกิจวิทยุจะมีการเพิ่มบุคลากรอีกมาก โดยเฉพาะระดับบริหารประมาณ 12 คน โดยมีตำแหน่งซีเอฟโอด้านการเงิน 1 ตำแหน่ง ส่วนระดับเจ้าหน้าที่จะรับเพิ่มทุกฝ่าย เนื่องจากว่าในสิ้นปีนี้อสมท จะได้รับวิทยุกลับคืนมาทำหมดทั้ง 7 คลื่นในกรุงเทพฯ จึงต้องเพิ่มคนเตรียมรองรับ
สำหรับผังรายการของโมเดิร์นไนน์เฟส 5 นั้นนายมิ่งขวัญกล่าวว่า จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นการปรับเปลี่ยนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับ 4 เฟสที่ผ่านมา โดยครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 70% โดยมีคอนเซ็ปต์ Knowledge Base Society หรือสังคมอุดมปัญญา ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ของโลกที่ให้ความสำคัญกับรูปแบบรายการประเภทนี้ จริง ๆ แล้วก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เฟสที่หนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้ใช้คำนี้เท่านั้นเอง ซึ่งสถานีอื่นจะเดินหน้าไปอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ทางโมเดิร์นไนน์จะเดินทางนี้
เขายอมรับด้วยว่า ผังใหม่นี้ยังคงเป็นผู้จัดรายการเดิมรายใหญ่ที่ทำกันมา แต่ก็มีบ้างที่เป็นรายย่อย รายใหม่ที่เข้ามาจัดผังรายการ ทั้งนี้รายใหญ่เก่านั้นถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ทำกันมาตั้งแต่แรก เช่น เจเอสแอล เวิร์คพอยท์ โพลีพลัส จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อาร์.เอส.เป็นต้น และคาดหวังว่าผังใหม่จะต้องได้ทั้งกล่องและได้ทั้งเงินด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าจะมีความ แตกต่างจากผังรายการของสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น
โดยช่วงเวลาที่มีการปรับเปลี่ยนมากที่สุด คือ ช่วงไพรม์ไทม์รายการใหม่ เช่น ปริศนาของเจเอสแอล เวลา 18.00-18.15 น. วันจันทร์-วันศุกร์ ส่วนรายการช่วงไพรม์ไทม์คือช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันจันทร์ วีไอพีของโพลีพลัส, วันอังคาร เล่านอกรอบของ ซีนาริโอเป็นบริษัทใหม่ของ ถกลเกียรติ วีรวรรณ, วันพุธ จอโลกไบโอกราฟฟี, วันพฤหัสบดี บันทึกโลกของมีเดียของออฟมีเดียส์, วันศุกร์ กบนอกกะลาของทีวีบูรพา ส่วนรายการข่าวจากสำนักข่าวไทย ทุกวันจันทร์-วันศุกร์จะมีช่วงเวลา 17.30-18.00 น., 18.45-19.30 น., 20.00-20.15 น.
บางรายการก็เป็นรายการเก่าแค่มีการปรับรูปแบบและเวลาเช่น รายการคุยคุ้ยข่าว จะออกอากาศเวลา 21.30-22.00 น. วันจันทร์-วันศุกร์ โดยมีสรยุทธ สุทัศนะจินดา ร่วมกับนายกนก รัตน์วงศ์สกุล เป็นพิธีกรร่วมจากเดิมที่ออกอากาศในวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งก็ยังคงมีเหมือนเดิมอีกด้วยเป็นการเพิ่มเวลาขึ้นมา
ขณะเดียวกัน ช่วงเวลา 17.05-17.30 น.ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เป็นรายการเปิดโลกวัยซนของบริษัทมีเดียออฟมีเดียส์ โดยจะเป็นรายการแตกต่างกันไปทั้งห้าวัน เขาย้ำด้วยว่า โมเดิร์นไนน์ยังคงให้ความสำคัญกับรายการเด็กตามนโยบายของรัฐบาล เช่น โมเดิร์นไนน์การ์ตูน ไอทีจีเนียส เกมคนเก่งกับแอลจี เป็นต้น
"ที่ผ่านมาเราปรับผังรายการก่อน เมื่อแข็งแกร่งแล้วเราก็หันมาปรับปรุงเรื่องการตลาด ซึ่งเมื่อทั้งสินค้าคือรายการและการตลาดของเราพร้อมแล้ว รายได้ก็น่าจะเข้ามามาก ทำให้ผลประกอบดี" นายมิ่งขวัญ กล่าว
แผนเสนอขายหุ้นเข้าครม.วันนี้
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดหนองคาย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ จะเสนอขอความเห็นชอบต่อครม.ในแผนการและแนวทางการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ตามมติการประชุมของคณะกรรมการกำกับนโยบาย ด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2 /2547 เมื่อวันที่ 2 กันยายน ในการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 3,000 ล้านบาท เป็น 3,835 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน ไม่ เกิน 167 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท และแนวทางจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่พนักงาน อสมท ซึ่งผู้ที่มีสิทธิได้แก่ พนักงานและผู้บริหารระดับสูง ซึ่งปรากฏชื่อ ณ วันที่จดทะเบียนจัดตั้ง บมจ.อสมท โดยมีมูลค่ารวมและผลประโยชน์ ตอบแทนที่ได้รับจำนวน 8 เท่า ของเงินเดือนก่อนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท หรือรวมประมาณ 256 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่าง 6.8-17.1 ล้านหุ้น หรือเทียบเท่าร้อยละ 1.0-2.2 ของหุ้นสามัญทั้งหมดที่เรียกชำระ
ทั้งนี้ รวมถึงการนำหุ้นสามัญที่กระทรวงการคลังถือจำนวนไม่เกิน 51 ล้านหุ้น เสนอขายให้นักลง ทุนทั่วไป และจัดสรรหุ้นส่วนเกินในจำนวนไม่เกินร้อยละ 15 เสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป แต่กระทรวงการคลังจะยังคงสัดส่วนการถือครองหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่าย ส่วนกรอบโครงสร้างการเสนอขายหุ้น ประกอบด้วย การเสนอขายแก่นักลงทุนภายในประเทศสัดส่วนร้อยละ 70 ของหุ้นที่เสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไป แบ่งเป็นสัดส่วนนักลงทุนสถาบันร้อยละ 30-40 และสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยประมาณร้อยละ 30-40 ของหุ้นที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไป
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า มีการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่นักลงทุนต่างชาติเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไป และให้มีความยืดหยุ่นในจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายระหว่างนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ จำนวน ไม่เกินร้อยละ 10 ของหุ้นสามัญที่จะเสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการระดุมทุน เป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้จะมีการขอความเห็นชอบจากครม.ให้กระทรวงการคลังและบมจ. อสมท ไม่ต้องนำสัญญา และ/หรือข้อตกลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้น เสนอต่อสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาก่อนลงนาม และขอให้การจำหน่ายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วย การจำหน่ายหุ้น และขอความเห็นชอบตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจำหน่ายและซื้อหุ้นของ ส่วนราชการ ซึ่งกำหนดให้การจำหน่ายหุ้นในกิจการใดที่ทำให้สัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของหุ้นทั้งสิ้นจะต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
|