|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธนาคารนครหลวงไทยเล็งบุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 48 เผยอาจเป็นการซื้อพอร์ตสินเชื่อหรือตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ รองรับการเป็นยูนิเวอร์แซลแบงก์ ที่ขาดแค่ธุรกิจลีสซิ่งเท่านั้น ผู้บริหารระบุไม่มีแผนนำบริษัทในเครือเข้าตลาดหุ้น อ้างต้องการถือหุ้น 100% เพื่อง่ายแก่การบริหาร ส่วนการเพิ่มทุนในช่วง 3 ปีนี้ไม่มีให้เห็นแน่ เนื่องจากเงินกองทุนแข็งแกร่ง
นางสาวอังคณา สวัสดิ์พูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB)เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงต่อไปของธนาคารเตรียมที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจลีสซิ่ง ซึ่งเป็นธุรกิจเดียวที่ธนาคารยังไม่เข้าไปลงทุน หลังจากที่ก่อนหน้าได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจประกันชีวิต ประกันวินาศภัย บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เพื่อเป็นการรองรับนโยบายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจร (ยูนิเวอร์แซลแบงก์) โดยคาดว่าธุรกิจลิสซิ่งจะสามารถเปิดตัวได้ภายในปี 2548 โดยเน้นการปล่อยสินเชื่อรถยนต์เป็นหลัก
ส่วนแนวทางการลงทุนในธุรกิจลีสซิ่ง อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเข้าไปซื้อกิจการเดิมของบริษัทธุรกิจลีสซิ่งอยู่แล้ว หรือการเปิดตัวด้วยการตั้งบริษัทใหม่ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มในขณะนี้ ทำให้บริษัทต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการบริโภค
สำหรับนโยบายการทำธุรกิจของธนาคารนครหลวงไทย ไม่มีแผนที่จะนำบริษัทในเครือเข้าตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทแม็กซ์ประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนนครหลวงไทย บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย บริษัทนครหลวงไทยบริการ ที่ถือหุ้นอยู่ 100% และบริษัทนครหลวงไทยประกันวินาศภัย ที่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 45.5% เนื่องจากต้องการให้ง่ายต่อการบริหารงาน
"การมีธุรกิจที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ถือเป็นจุดเด่นของธนาคารนครหลวงไทย ที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร"
นางสาวอังคณา กล่าวว่า แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) 14 วัน อีก 0.25% และมีธนาคารบางแห่งได้ขยับอัตราดอกเบี้ยตามบ้างแล้ว แต่ธนาคารนครหลวงไทยยังไม่มีนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ เนื่องจากยังมีสภาพคล่องล้นกว่า 1 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารมียอดปล่อยกู้ 3 แสนล้านบาท ขณะที่มีเงินฝากรวมกว่า 4 แสนล้านบาท ทำให้เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้
นอกจากนี้ การที่ธนาคารต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่สูงถึง 3.5% ที่ธนาคารเร่งระดมเงินฝากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะครบกำหนดในสิ้นปี 2548 ถือเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ยังไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ย ซึ่งมีสัดส่วนสูงประมาณ 20% ของพอร์ตเงินฝาก และจะครบกำหนดการชำระคืนในครึ่งปีหลังของปีนี้ประมาณ 7 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะครบกำหนดภายในสิ้นปี 2548
นางสาวอังคณากล่าวว่า หลังจากที่เงินฝากที่มีต้นทุนสูง ครบกำหนดจะทำให้ธนาคารสามารถ บริหารต้นทุนได้ง่าย เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนเงินฝากเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3% เท่านั้น เมื่อครบกำหนดแล้วจะทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยรับของธนาคารเพิ่มขึ้น
ส่วนแผนการเพิ่มทุนของธนาคารในช่วง 3 ปีข้างหน้า ธนาคารนครหลวงไทยยังไม่มีนโยบายเพิ่มทุน เนื่องจากมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันบีไอเอสอยู่ที่ 12.37%
สำหรับผลการดำเนินงานธนาคารงวดครึ่งปีแรกของปี 2547 มีกำไรสุทธิ จำนวน 3,702 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิจำนวน 1,343 ล้านบาท ธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 2,359 ล้านบาท
|
|
|
|
|