ควอลิตี้เฮ้าส์ฯ เล็งแจมขายสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ร่วมทำซีเคียวริไทเซชันแบงก์ใหม่ของแลนด์ฯ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าเงินฝากหลังรัฐเตรียมยกเลิกประกันเงินฝาก ยันอสังหาฯชะลอตัวไม่กระเทือนตลาดบ้านแพงของบริษัทฯ ปลื้มพฤกษ์ภิรมย์ สาทร-ธนบุรีตัดใหม่ ยอดจองแล้ว 16 หลัง ตั้งเป้าทั้งปี 30 หลัง กว่า 500 ล้านบาท

นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) (LH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ฯ ผลักดันและจัดตั้งธนาคารพาณิชย์เฉพาะกิจเพื่อมุ่งเน้นรายย่อยได้ โดยบริษัทฯ จะมีการนำสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของลูกค้าควอลิตี้เฮ้าส์ฯเข้าร่วมการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (ซีเคียวริไทเซชัน) ซึ่งเป็นการขายขาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อนำไปเป็นหลักประกันในการออกพันธบัตรเพื่อเสนอขายให้แก่นักลงทุน ทั้งนี้ ลูกค้าสินเชื่อที่บริษัทฯ จะนำเข้ามาจะต้องมีการผ่อนชำระอยู่

"ในประเทศยังไม่มีการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยในการระดมทุน แต่ด้วยเครือข่ายของบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ที่มีสินค้าอยู่ในมือทำให้สามารถดำเนินการได้ ส่วนวิธีการออกต้องพิจารณา อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่มีระยะยาว หรือไม่แน่อาจจะออกพันธบัตรไปทดสอบตลาดเอง อย่างเช่นอายุ 10 ปี ต้องเข้าใจว่าขณะนี้รัฐบาลเตรียมที่จะประกาศยกเลิกการค้ำประกันเงินฝาก ถามว่าผู้ฝากเงินที่มีเงินเยอะจะไปลงทุนที่ไหน หากไม่มีตราสารหรือพันธบัตรที่ดีมารองรับความต้องการในส่วนนี้ได้" นายรัตน์กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่าหลังจากที่บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ได้เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทเงินทุนบุคคลัภย์ และจะขอจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ที่มีลักษณะเชี่ยวชาญเฉพาะด้านกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) โดยบริษัทจะนำสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของลูกค้าของบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปีมาแปลงสินทรัพย์เป็นทุนหรือซีเคียวริไทเซชัน โดยการออกพันธบัตรซึ่งมีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกันเพื่อที่จะไปเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันเช่นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทประกัน ส่วนการปล่อยกู้ให้กับลูกค้านั้นไม่ใช่เป็นปัจจัยหลักในการทำธุรกิจ

นายรัตน์กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3 ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดการขายในแต่ละโครงการเป็นไปด้วยดี และมียอดรับรู้รายได้จากไตรมาส 2 มาบันทึกในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยบริษัทยังมั่นใจว่าการพัฒนาโครงการบ้านราคาแพงในส่วนของบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาดที่ชะลอตัวขณะนี้และยังคงนโยบายที่จะเน้นตลาดระดับสูงต่อไป ส่วนตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า คาดว่าในปี 2547-2548 จะมีสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันอาคารสำนักงานเพื่อให้เช่ามีปริมาณเมื่อเทียบกับความต้องการเช่าที่มีอยู่สูง

นางสาวสุณิศา ลีละวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาดบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ฯ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการพฤกษ์ภิรมย์ สาทร-ธนบุรีตัดใหม่ บนถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นคฤหาสน์หรูว่าขณะนี้มียอดจองซึ่งได้ล็อกแปลงไว้แล้ว 16 หลัง จากจำนวนทั้งหมด 62 หลัง ระดับราคาที่มีการจองตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป และคาดว่าไม่เกินปลายปี 2547 จะโอนให้กับลูกค้าได้ ทั้งนี้มีจำนวนบ้าน 7 หลังที่ก่อสร้าง เสร็จแล้วและอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพบ้านก่อนส่งมอบให้กับลูกค้า โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายบ้านในโครงการดังกล่าวภายในสิ้นปีให้ได้รวม 30 หลัง มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาเปิดเฟสที่ 2 ซึ่งมีที่ดินติดอยู่ด้านหลังของโครงการจำนวน 33 ไร่ รูปแบบโครงการจะมีความใกล้เคียงกับเฟสแรก แต่จะมีการพิจารณาสภาพตลาดและความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างไรบ้าง

นายมงกุฎ เตโชฬาร ผู้จัดการโครงการพฤกษ์ภิรมย์ฯ กล่าวว่าบริษัทฯเข้ามาบุกเบิกที่ดินในบริเวณ ดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่ได้มีการตัดถนนผ่าน ทำให้พื้นที่ ดังกล่าวมีศักยภาพ โดยในช่วงแรกบริษัทฯสามารถ กว้านซื้อที่ดินบริเวณหน้าได้ ราคาเฉลี่ยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาประมาณ 15,000 บาทต่อตารางวา ปัจจุบันราคาได้ขยับขึ้นไปประมาณ 50,000-60,000 บาทต่อตารางวา และด้วยราคาที่ดินบริเวณนี้แพงมากและมีการจับจองเกือบหมด ทำให้โอกาสที่จะพัฒนาโครงการแถวนี้อีกคงยากลำบากมากขึ้น