|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
MAJOR ลุยซื้อหุ้น แปซิฟิก มาร์เก็ตติ้งฯ 80% ด้วยการทุ่มเงิน 80 ล้านบาทซื้อหุ้นเพิ่มทุน หวังรุกตลาดโฮมวิดีโอหนุนรายได้เพิ่ม พร้อมส่งกรรมการเข้าบริหาร 5 ราย โบรกเกอร์เชื่อการเข้าเจาะกลุ่มธุรกิจโฮมวิดีโอ จะส่งผลดีให้รายได้เพิ่มขึ้น เชื่อตลาดนี้ยังโตได้อีกโดยปี 48 ไม่ต่ำกว่า 10% แนะลงทุนที่ราคา 22 บาท
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ กรรมการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) เปิดเผยมติของที่ประชุมกรรมการบริษัทฯครั้งที่ 9/2547 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2547 ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติการลงทุนในบริษัท แปซิฟิก มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทนำเข้า และจัดจำหน่ายภาพยนตร์ ซึ่งได้เข้าหุ้นสามัญ 1.2 ล้านหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 80,000,000 บาท ส่งผลให้ MAJOR กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 80% ในบริษัทดังกล่าว
โดย บริษัท แปซิฟิก มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด มีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ชำระแล้วทั้งจำนวน และจะดำเนินการเพิ่มทุนอีก 12 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านบาท และเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าสิ่งตอบ แทนจากความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท หลักทรัพย์ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) โดยใช้วิธีส่วนลดกระแสเงินสด ซึ่งได้มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดดังนี้ คือ ต้นทุนทางการเงินถัวเฉลี่ย 10.5% มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ 140-206 ล้านบาท และมูลค่า 80% ที่บริษัทลงทุนคิดเป็น 112.165 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการขยายธุรกิจที่ใกล้เคียงเกี่ยวเนื่องกัน และเสริมกับธุรกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยสามารถที่จะขยายตัวได้อีกมากในอนาคต ซึ่งจะสามารถเข้าไปในตลาดโฮมวิดีโอที่มีขนาดใหญ่มากได้ในอนาคต ส่วนแหล่งเงินทุนที่ใช้ คือเงินจากการดำเนินงานภายในบริษัท และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
อนึ่ง MAJOR ลงทุนจำนวน 80 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าขอบเขตมูลค่าที่ที่ปรึกษาทางการเงินและโดยใช้ฐานข้อมูลตามงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 46 ของบริษัท แปซิฟิก มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทน เม้นท์ กรุ๊ป จำกัด
สำหรับโครงสร้างกรรมการ ซึ่งจากเดิมที่ MAJOR ส่งคนเข้าร่วมบริหารใน บริษัท แปซิฟิก มาร์เก็ตติ้งฯ ภายหลังจากที่บริษัทกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็จะส่งกรรมการเข้าไปบริหารเพิ่มอีก 4 ท่าน คือเดิมมีนายแพททริค จอห์น ลีโอนี เพียงราย เดียว ได้เพิ่มนายวิชา พูลวรลักษณ์ นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ นายไบรอัน ฮอลล์ และนายเจอรัลด์ วีทิพยวาน
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทได้ทำการแลกหุ้นกับ บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) (EGV) ก็ยังจะทำให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งจากเงินปันผลในการลงทุนในบริษัทดังกล่าว ด้วย จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มรายได้เข้ามายังบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่า การซื้อกิจการแปซิฟิก มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผู้ประกอบการนำเข้า และจัดจำหน่ายภาพยนตร์ จำนวน 1.2 ล้านหุ้น มูลค่า 80 ล้านบาท ถือหุ้น 80% โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจที่ใกล้เคียง เกี่ยวเนื่อง และเสริมกับธุรกิจที่ทำอยู่ ในปัจจุบัน โดยสามารถที่จะขยายตัวได้อีกมากในอนาคต ซึ่งแปซิฟิก มาร์เก็ตติ้งฯ จะช่วยขยายฐานธุรกิจ ให้กว้างขึ้น พร้อมทั้งต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ให้มั่นคง โดยเฉพาะแนวโน้มอุตสาหกรรมโฮมวิดีโอที่ ขยายตัวต่อเนื่องตามความนิยมของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ DVD ที่เชื่อว่าจะเติบโตถึง 50% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถบอกได้ขณะนี้ว่าคุ้มหรือไม่ ซึ่งต้องดูต่อไปว่าจะมีทิศทางเป็นเช่นไร แต่ในเบื้องต้นเชื่อว่า MAJOR ได้รับประโยชน์แน่นอน หาก MAJOR เข้าเจาะกลุ่มธุรกิจโฮมวิดีโอจะส่งผลดีให้รายได้เพิ่มขึ้น เพราะถือเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ใหม่ ปัจจุบันรายได้ของ MAJOR มาจากโรงภาพยนตร์ 68% โบว์ลิ่ง และคาราโอเกะ 21% ให้เช่าพื้นที่ 12 % และการโฆษณา 9%
แนวโน้มอุตสาหกรรมโฮมวิดีโอ คาดว่าจะเติบโตและขยายตัวต่อเนื่องจากความนิยมของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ DVD ที่เชื่อว่าจะเติบโตถึง 50% ในปีนี้ เนื่องจากสินค้ามีคุณภาพ ประกอบกับราคาสินค้า และเครื่องเล่น DVD มีการ ปรับลดลง หากเทียบกับ VCD แต่เชื่อว่า VCD จะโตถึง 10 - 15% ในปีหน้า สวนทางกับ VDO ที่เริ่มไม่ได้รับความนิยมและอาจหายไปจากตลาด หลังจาก DVD และ VCD บุกตลาดมากขึ้น แนะนำนักลงทุนเข้าซื้อหุ้น MAJOR ประเมินราคาที่เหมาะสมที่ 22 บาท
|
|
|
|
|