เอเซียพลัสคว้าดีลที่ปรึกษา "โรงพยาบาลเกษมราษฎร์" ขายไอพีโอ 330 ล้านหุ้น แบ่งเป็น หุ้นเพิ่มทุน 240 ล้านหุ้น และหุ้นเดิม 90 ล้านหุ้น นำเงินขยายกิจการและคืนเงินกู้ งานนี้ LH เตรียมรับทรัพย์ เหตุขนหุ้นเก่าร่วมขาย 40 ล้านหุ้น ล่าสุด ก.ล.ต.เริ่มนับ 1 ไฟลิ่งแล้ว
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2547 สำนักงาน ก.ล.ต.ได้เริ่มนับ 1 แบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินกิจการโรงพยาบาล เกษมราษฎร์ เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 330 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 240 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมจำนวน 90 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 34.74 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังการเพิ่มทุน โดยมี บล.เอเซียพลัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนจำนวนประมาณ 314 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทจำนวนประมาณ 16 ล้านหุ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินกู้บางส่วนลงทุนในการขยายกิจการโรงพยาบาล และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 950 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 950 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนชำระแล้วจำนวน 710 ล้านบาท ซึ่งหลังจากขายหุ้นแล้วบริษัทจะมีทุนชำระแล้ว 950 ล้านบาท
ในส่วนของหุ้นสามัญเดิมจำนวน 90 ล้านหุ้น มีผู้ถือหุ้นเดิมที่เสนอขายร่วมประกอบด้วย บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) เสนอขายจำนวน 40 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 4.21 ของหุ้นที่เรียกชำระแล้ว ทั้งหมดของบริษัท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ และนายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ เสนอขายจำนวน 50 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 5.26 ของหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้
บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันปิดสมุดทะเบียน วันที่ 22 เม.ย. 2547 ประกอบด้วย นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ถือหุ้นร้อยละ 50.42 และจะลดสัดส่วนเหลือร้อยละ 32.42 หลังการขายหุ้นเพิ่มทุน นางสมพร หาญพาณิชย์ ถือหุ้นร้อยละ 9.58 และจะลดสัดส่วนเหลือ ร้อยละ 7.16 หลังการขายหุ้นเพิ่มทุน และบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 40 และจะ ลดสัดส่วนเหลือร้อยละ 25.68 หลังการขายหุ้นเพิ่มทุน
ปัจจุบันบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล และบริษัทย่อย ดำเนินกิจการโรงพยาบาลจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค,ประชาชื่น, สุขาภิบาล 3, รัตนาธิเบศร์, สระบุรี, และศรีบุรินทร์ โดย ณ 31 ก.ค. 2547 ทั้งกลุ่มมีจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยในรวมทั้งสิ้น 1,620 เตียง และห้องตรวจสำหรับให้บริการผู้ป่วยนอก 235 ห้องตรวจ ซึ่งสามารถให้บริการ รองรับผู้ป่วยนอกได้จำนวน 9,400 คนต่อวัน
สำหรับผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมเท่ากับ 1,535.54 ล้านบาท 1,785.60 ล้านบาท และ 2,083.61 ล้านบาท ในปี 2544 2545 และ 2546 ตามลำดับ หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 16.49 ต่อปี และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 93.42 ล้านบาท 123.63 ล้านบาท และ 265.22 ล้านบาท ในปี 2544 2545 และ 2546 ตามลำดับ และในครึ่งแรกของปี 2547 มีรายได้รวมเท่ากับ 1,103.64 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการ เติบโตร้อยละ 7.80 เทียบกับปี 2546 โดยมีกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษทั้งสิ้น 126.58 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 10.46 จากปี 2546
ณ 30 มิ.ย. 2547 บริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3,637.79 ล้านบาท หนี้สินรวมเท่ากับ 2,452.59 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น (ไม่รวมผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) เท่ากับ 889.40 ล้านบาท และบริษัทมีขาดทุนสะสมเท่ากับ 139.08 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2541 ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยซึ่งมีเงินกู้ส่วนใหญ่ในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศต้องรับรู้ผลขาดทุนดังกล่าวทันที
ทั้งนี้ รายได้หลักของกลุ่มบริษัทได้แก่ 1.รายได้จากการให้บริการแก่ผู้ป่วยประเภทเงินสด ประกอบด้วยรายได้จากผู้ป่วยในและรายได้จากผู้ป่วยนอก และ 2.รายได้ประเภทเหมาจ่ายต่อหัวตามโครงการรัฐ ได้แก่ โครงการประกันสังคม และโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า คิดเป็นร้อยละ 61 และร้อยละ 39 ของรายได้ จากการให้บริการรวม สำหรับงวด 6 เดือนปี 2547
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมายแล้วหากไม่มีเหตุผลจำเป็นอื่นใด และการจ่าย เงินปันผลนั้นไม่กระทบต่อการดำเนินงานปกติของกลุ่ม บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลจะนำปัจจัยต่างๆ มาพิจารณาประกอบ เช่น ผลการดำเนินงาน สภาพคล่อง การขยายธุรกิจ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัท
|