|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
EWC เทรดหมวดปกติวันแรกคึกพุ่งกว่า 1,400% โดยราคาปิดสูงถึง 27.35 บาท ขณะที่โบรกเกอร์แนะซื้อลงทุนที่ราคา 17 บาท เชื่อผลการดำเนินงานโตต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดต่าง ๆ มีมากขึ้น ตามนโยบายรัฐที่ลงทุนโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคด้วยงบถึง 5 แสนล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี คาดดันกำไรโตปีละ 10%
วานนี้ (1 กันยายน) หุ้นบริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน)(EWC) เปิดตลาดมาไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง โดยเปิดที่ 29 บาท มีมูลค่าการซื้อขาย 5.74 ล้านบาท ขณะที่ราคาเทรดครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 1.90 บาท ก่อนปรับตัวอ่อนลง และพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 30.50 บาท ก่อนปิดตลาดในช่วงเช้าที่ราคา 28.50 บาท มูลค่าการซื้อหนาแน่นขึ้น 78.32 ล้านบาท
ขณะที่ช่วงบ่าย ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 27.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 78.76 ล้านบาท และราคาหุ้นค่อย ๆ ปรับลดลงเรื่อย ๆ ก่อนขึ้นไปปิดที่ 27.35 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 25.45 บาท คิดเป็น 1,439.47 % มูลค่าการซื้อขาย 103.28 ล้านบาท
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ประเมินมูลค่าหุ้น EWC ตามปัจจัยพื้นฐานระยะยาว 1 ปีเท่ากับ 17.80 บาท โดยให้ Norm PE ปี 48 เท่ากับ 10 เท่า ซึ่งสะท้อนถึงอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 48-49 ที่เราประมาณการไว้ว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 10% และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย PE ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างและตกแต่งที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่ง EWC ปลดเครื่องหมาย SP และกลับมาซื้อขายในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและตกแต่งวานนี้เป็นวันแรก หลังจากถูกสั่งห้ามซื้อขายมาตั้งแต่มีนาคม ปี 41
คาดปี 47 ยอดขายจะขยายตัวก้าวกระโดด 36% ตามภาวะเศรษฐกิจและราคาเหล็กที่สูงขึ้นมาก อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 15.50% จาก 8.67% ในปี 46 สำหรับปี 48 และ 49 เราคาดว่ายอดขายและกำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจและการใช้งบประมาณในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคภาครัฐ ประกอบกับบริษัทสามารถขายผ่านงานโครงการได้มากขึ้นเมื่อออกจากกลุ่มฟื้นฟูกิจการแล้ว
ผลงานทั้งปีผลการดำเนินงานจะก้าวกระโดด เราประมาณการกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติปีนี้ของ EWC จะเท่ากับ 54 ล้านบาท ขยายตัว 870% เพราะยอดขายโตขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นขยับเป็น 15.5% จาก 8.67% ในปีก่อน แต่ก็มีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจหากการใช้งบประมาณของรัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จะทำให้ยอดขายของบริษัทไม่ขยายตัว
บล.ไซรัส ประเมิน EWC โดยแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 17 บาท คาดกำไรจากการดำเนินงานในปี 47 จะขยายตัว 8 เท่าจากปีก่อน จากการที่ EWC บริษัทหันมาเป็น Holding Company และมีบริษัทย่อย 1 บริษัทคือ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดต่าง ๆ
การที่บริษัทกลับมาซื้อขายในกลุ่มวัสดุก่อสร้างตั้งแต่วานนี้ หลังจากถูกย้ายไปหมวด Rehabco เพราะบริษัทประสบผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ผลประกอบการขาดทุนจนส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ และเมื่อดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จ ทำให้ EWC กลับเข้ามาซื้อขายในหมวดวัสดุก่อสร้างได้
หลังปรับโครงสร้างหนี้ นายภิรมย์ ปริยวัต ก็เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 49.1% และ EWC ไม่มีเงินกู้ระยะยาว ขณะที่บริษัทลูกปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 83.2% ของภาระหนี้ทั้งหมดมีกำไรทางบัญชี 170.9 ล้านบาทในปี 2547 สำหรับบริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (RWI) ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เช่นกัน โดยมีหนี้อยู่ 360.2 ล้านบาท และได้เจรจากับเจ้าหนี้ 4 รายใน 6 ราย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับการลดยอดหนี้ และคาดว่าได้ข้อสรุปใน เร็วๆ นี้
โดยรายได้ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 32.6% ในงวดครึ่งปีแรกปี 2547 EWC มีรายได้ 356.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.6% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจาก PC Wire ซึ่งมีสัดส่วน 54.9% ของรายได้รวม และธุรกิจของ EWC เกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต สินค้าของบริษัทใช้ในงานก่อสร้างทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ซึ่งโตตามการเจริญเติบโตของประเทศ โครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคของภาครัฐที่มีงบประมาณ 5 แสนล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี จะเป็นสิ่งที่ช่วยหนุนให้ความต้องการวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าความต้องการจะเติบโตประมาณ 10% - 15% ต่อปี
บล. ไซรัส คาดรายได้โต 36.7% และ 16.9% ในปี 2547 - 2548 เราคาดว่ารายได้ในปีนี้และปี 48 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 36.7% และ 16.9% ตามลำดับ
|
|
|
|
|