Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน2 กันยายน 2547
บอร์ดวายุภักษ์ไฟเขียวลุยหุ้นเพิ่มกองทุนชี้ฝรั่งสนพีอีตลาดไทยต่ำสุด             
 


   
search resources

กองทุนรวมวายุภักษ์
โอฬาร ไชยประวัติ
Funds




วายุภักษ์ อนุมัติเพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้น รสก. 26 ตัว เว้น "ปตท.-ไทยพาณิชย์" ลงเต็มลิมิตแล้ว เผยยอดลงทุนวายุภักษ์ในตลาดหุ้นมีกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทจากพอร์ตรวม 3 หมื่นล้าน เหตุหุ้นราคาถูก ปัจจัยพื้นฐานดี ค่ายธนชาติชี้พีอีหุ้นไทยต่ำเมื่อเทียบตลาดชั้นนำในโลก แนวโน้มต่างชาติกลับไทยมีสูงแล้ว ด้านประธาน ตลท.มองหุ้นครึ่งปoหลังยังคึกคักได้ ประสานตลาดอาเซียนจัดระเบียบกฎตลาดหุ้นรองรับจดทะเบียนข้ามชาติ

นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการการลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2547 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้ มีมติให้กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เข้า ไปลงทุนในหุ้นรัฐวิสาหกิจทั้ง 26 ตัวในตลาดหลักทรัพย์ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้มีการเข้าไปลงทุนแล้วประมาณ 12,000 ล้านบาทจากทั้งหมดที่สามารถลงทุนได้ 30,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาถือว่าผลประกอบการของหุ้นรัฐวิสาหกิจในไตรมาส 2 มีผลประกอบการที่ดี นอกจากนี้หุ้นยังมีพื้นฐานดีและราคาถูก

"การปรับกลยุทธ์การลงทุนของวายุภักษ์มีการประชุมกันทุกเดือนอยู่แล้ว เมื่อตอนนี้มีของดีราคาถูกเราก็ต้องเข้าไปซื้อเพิ่ม โดยยังคงไปลงทุนในหุ้นรัฐวิสาหกิจทั้ง 26 ตัวเหมือนเดิม แต่หุ้นของ ปตท. และธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ไม่สามารถเข้าไปซื้อได้แล้ว เพราะซื้อไปเต็มลิมิตแล้ว ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการปรับแผนที่จะเข้า ไปลงทุนนอกเหนือจากหุ้นรัฐวิสาหกิจทั้ง 26 ตัวที่มีอยู่ แต่ถ้าในอนาคตมีรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดเพิ่มขึ้น วายุภักษ์ก็สามารถเข้าไปลงทุนได้อีก" นายโอฬาร กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่กองทุนวายุภักษ์เข้าไปถือหุ้นใน SCB เกินเพดาน 5% ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนด ไว้นั้น ในขณะนี้ยังเป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้นคือให้นำหุ้นสัดส่วนที่ถือเกิน 19% จากทั้งหมด 24% ในธนาคารไทยพาณิชย์ไปให้กระทรวงการคลังรับปันผลแทนทุกปี ซึ่งในระยะยาวจะต้องทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง โดยจะนำหุ้นส่วนที่เกินอยู่ 19% แลกกับหุ้นรัฐวิสาหกิจตัวใหม่ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการจ่ายปันผลยังยืนยันตามนโยบายเดิมคือกองทุนรวมวายุภักษ์จะมีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 3% ต่อปี โดยจะจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง ซึ่งในขณะนี้กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มีผลประกอบการที่ค่อนข้างดี ส่วนเอ็นเอวีของกองทุนวายุภักษ์ 1 ในกลุ่ม ก. จำนวน 70,000 ล้านบาทนั้นยังไม่ตกอยู่ในระดับค่อนข้างดี

นายโอฬาร ยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงขยายตัวดีอย่างต่อเนื่องอัตราการจ้างงานขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่ภาคการส่งออกและการลงทุนยังคงขยายตัวได้ และทั้งปีดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสัญญาณอะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเกิดการชะลอตัวลงแต่อย่างใด

นายวิจิตร สุพินิจ ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 70% ซึ่งถือว่าเต็มแล้ว ทำให้บริษัทส่วนใหญ่ต้อง ขยายกำลังการผลิตมากขึ้น ดังนั้นการลงทุนเกิดใหม่จึงมีมากขึ้น เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจจะมีอัตราการเติบโตจากการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นจะเป็นสัญญาณที่ดีในการปรับโครงสร้างดอกเบี้ยของไทยเพื่อป้องกันเงินไหลออกได้

"จริงๆ แล้วสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กลัวกัน ดีกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาด้วยซ้ำเพราะดูได้จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีการเติบโต 4% ขณะที่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มีการเติบโตเพียง 1% เท่านั้น จึงแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังดี"

จึงเชื่อว่าในครึ่งปีหลังนี้ตลาดหุ้นจะคึกคักน่าสนใจถึงแม้จะมีปัจจัยน้ำมันกดดันตลาดอยู่ก็ตาม เพราะหากพิจารณาถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็มีอัตราการเติบโตกว่าที่คาดไว้ 29% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิจำนวน 1.9 แสนล้านบาท อีกทั้งเชื่อว่าตลาดหุ้นจอง (ไอพีโอ)จะเข้าระดมทุนจำนวนมากประกอบการเลือกตั้งก็จะช่วยกระตุ้นการลงทุนให้มีความคึกคักแต่คงไม่มากเพราะประชาชนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะไม่มีการเปลี่ยน แปลงมากนักทั้งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการดำเนินงาน

ส่วนที่ผ่านมา ตลท.ได้เดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งได้มีการหารือกับคณะกรรมการตลาดทุนอาเซียนถึงการประสานงานเพื่อจัดทำกฎระเบียบแต่ละตลาดหุ้นให้มีความสอดคล้องกันเนื่องจากจะเป็นการรองรับการจดทะเบียนข้ามชาติ (Cross Listing) ระหว่างตลาดหลักทรัพย์ไทยกับตลาดหลักทรัพย์เอเชียเพื่อสอดรับกับนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาตลาดทุนให้เกิดขึ้น ถึงแม้ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถดำเนินการได้ก็ตาม

นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บลจ.ธนชาติ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีการปรับลดลงของดัชนีและมูลค่าการซื้อขายเพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้ง ไทย และต่างชาติยังไม่แน่ใจมากนัก แต่ขณะนี้ปัจจัยหลายอย่างเริ่มชัดเจนมากขึ้น ระดับราคาน้ำมันก็เริ่มมีการปรับลดลง ความกังวลในเรื่องสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ก็ลดลงมาก เป็นต้น ทำให้เห็นได้ว่าบรรยากาศการลงทุนที่ดีน่าจะกลับเข้ามาอีกครั้ง แม้ยังเหลือปัจจัยที่กระทบต่อบรรยากาศบ้าง

"เรื่อง GDP ที่ปรับลดจากระดับ 7.1% มาที่ระดับ 6.7% และดอกเบี้ยคงไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะนักลงทุนเริ่มได้รับข่าวดีจากเรื่องงาน Thailand Focus ที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้าจะเป็นสิ่งที่เข้ามากระตุ้นภาคการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง"

นายกำพล กล่าวว่า เมื่อดูค่าพีอีตลาดหุ้นไทยขณะนี้ต่ำที่สุดเมื่อ เทียบกับตลาดหุ้นชั้นนำในยุโรปและเอเชีย โอกาสที่กองทุนต่างประเทศจะกลับเข้าลงทุนในหุ้นไทยก็เริ่มจะมีทิศทางเป็นไปได้สูงแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us