MAJOR แจงออกหุ้นใหม่แลก EGV จะไม่กระทบผู้ถือวอร์แรนต์ทั้ง MAJOR -W1 และ ESOP-W1 เพราะราคาหุ้น ใหม่ที่หักประมาณการต้นทุนค่าใช้จ่าย ยังสูงกว่าราคาตลาดต่อหุ้นของหุ้น สามัญบริษัทฯมีการซื้อขายในกระดาน

นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฎฐ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) เปิดเผยว่าจากการออกหุ้นสามัญใหม่ เพื่อใช้ชำระแทนค่าหุ้นและค่าใบสำคัญแสดงสิทธิของ ผู้ถือหลักทรัพย์ของบริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (EGV) ตามแผนการควบรวมกิจการ ระหว่างบริษัทและ EGV นั้น อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือใบ สำคัญแสดงสิทธิของบริษัทฯ MAJOR -W1 และ ESOP-W1 ตามเงื่อนไขการปรับสิทธิข้อ (ฉ) ซึ่งระบุไว้ว่า

บริษัทฯ จะดำเนินการปรับสิทธิ กรณีมีเหตุการณ์ใดๆ อันอาจทำให้ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิเสียสิทธิและผลประโยชน์อันพึงได้ บริษัทฯ และที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (ASP) จึงได้ร่วมกันพิจารณาผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทฯ

โดยราคาเสนอขายหุ้นบริษัทฯ ที่ออกใหม่ต่อหุ้น 13.94 บาท หักประมาณการค่าใช้จ่ายต่อหุ้น (ค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียมสำนักงานก.ล.ต.) 0.09 บาท เหลือราคาสุทธิต่อหุ้น ของหุ้นสามัญที่ออกใหม่ 13.85 บาท

ขณะที่ราคาตลาดต่อหุ้นของหุ้นสามัญของบริษัทฯอยู่ที่ 13.35 บาท คำนวณจากมูลค่าการซื้อขายหุ้นสามัญ ทั้งหมดของบริษัท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญของบริษัทที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในระหว่างวันที่ 17-23 สิงหาคม 2547 ซึ่งเป็นระยะเวลา 5 วันทำการติดต่อกันก่อนวันแรกของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด ของ EGV (ซึ่งได้แก่วันที่ 24 สิงหาคม 2547)

ดังนั้นจากการที่ราคาสุทธิต่อหุ้นของหุ้นสามัญใหม่บริษัทฯ ที่ 13.85 บาท สูงกว่าราคาตลาดต่อหุ้นของหุ้นสามัญบริษัทฯ ที่ 13.35 บาทนั้น บริษัทฯ และเอเซีย พลัส จึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า การออกหุ้นสามัญ ใหม่เพื่อใช้ชำระค่าหลักทรัพย์ของ EGV ตามแผนการควบรวมกิจการไม่ทำให้ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิเสียสิทธิและผลประโยชน์อันพึง ได้ ดังนั้นจึงไม่มีการปรับสิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทฯ