|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สภาธุรกิจตลาดทุนฯประกาศเป้าหมายเป็นพลังผลักดันพัฒนาตลาดทุนไทย ภารกิจแรก "ไทยแลนด์โฟกัส" ไปได้สวย กองทุนใน-นอก 100 แห่ง ซึ่งบริหารสินทรัพย์ 16 ล้านล้านบาทตอบรับเข้าร่วมฟังโรดโชว์ในประเทศ "กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์-กองทุนฟิเดลิตี้ฟันด์" เข้าร่วมด้วย ขณะที่ว่าที่หุ้นไอพีโอ ยักษ์ใหญ่เบียร์ช้าง-ไทยออยล์-อสมท. มูลค่าตลาดรวม 3 แสนล้านบาท เข้าร่วมบรรยายข้อมูลด้วย
นายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.)จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของ 6 องค์กรในตลาดทุนไทย ซึ่งมีสมาชิกของสมาคมและผู้ประกอบการในตลาดทุนไทยรวมเกือบ 500 ราย โดย สธท.จะเป็นองค์กรกลางที่จะผลักดันหรือเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุน ทั้งในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานและนโยบายขององค์กรต่าง ๆ เพื่อเป็นพลังผลักดันให้เกิดการพัฒนาตลาดทุนภายใต้เป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1) เสริมสร้างพัฒนาตลาดทุนให้มีเสถียรภาพ มั่นคง 2)ผลักดันเรื่องบรรษัท ภิบาลอย่างมีระบบเป็นรูปธรรม และ 3)มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม
ที่สำคัญ เน้นการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ไม่บิดเบือน และมีระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใส ยุติธรรม เพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีของภาคธุรกิจในตลาดทุนไทย
สำหรับงานแรกของ สธท.ที่กำลังดำเนินการคือการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 ระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน 2547 ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ โดยคาดว่าจะมีผู้ร่วมงานประมาณ 600 คน และจะมีผู้บริหารระดับสูงและผู้จัดการกองทุนต่าง-ประเทศชั้นนำเข้าร่วม เช่นกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์และกองทุนฟิเดลิตี้ ฟันด์ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่จากสหรัฐฯที่ตอบรับเข้าร่วมงานแล้ว
นอกจากนี้ จะมีบริษัทข้ามชาติที่ตลาดหลักทรัพย์ได้เชิญมาร่วมงานจำนวน 4 บริษัท ส่วนบริษัท ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่จะเข้าร่วมก็มี 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทไทยเบฟเวอร์เรจ หรือเบียร์ช้าง, บริษัทไทยออยส์และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยหรืออสมท. ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมมีจำนวน 44 บริษัทซึ่งเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่และอยู่ใน SET50 คาดว่างานไทยแลนด์โฟกัสจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างประเทศ
"การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสจะช่วยทำให้นักลงทุนต่างประเทศได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเกิดผลดีต่อมาเหมือนกับในกรณีของเอสแอนด์พีก่อนหน้านี้ที่ได้ปรับมุมมองไทยดีขึ้น หลังจากได้รับข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น" นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า สธท.จะเป็นองค์กรกลางที่จะผลักดันหรือเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุน โดยจะเป็นองค์กรหลักที่จะประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ 1.การเสริมพัฒนาตลาดทุนให้มีเสถียรภาพมั่นคง, 2.ผลักดันเรื่องบรรษัทภิบาลให้เกิดขึ้นในองค์กรตลาด ทุนทั้งระบบอย่างมีรูปธรรม และ 3.มีส่วนร่วมรับผิดชอลต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและการศึกษาทั้งนี้ สธท.จะส่งเสริมให้องค์กรในตลาดทุนทั้งภาครัฐและเอกชนเปิดเผยข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง โปร่งใสไม่บิดเบือน มีระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใส ยุติธรรมเพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีของภาคธุรกิจในตลาดทุนไทย และยังร่วมกับสมาชิกในการประหยัดพลังงานเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่องค์กรอื่นๆ
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ รองประธานกรรมการ สธท.เปิดเผยว่า สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จะร่วมพัฒนาตลาดทุนโดยจัดอบรมและสัมมนาให้ความรู้แก่นักวิเคราะห์ เพื่อสร้างนักวิเคราะห์ที่มีคุณภาพผลิตผลงานโดยยึดถือหลักจรรยาบรรณและแนวทางของสมาคมโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของนักลงทุน เพื่อให้ผลงานของนักวิเคราะห์คงความเป็นกลางและมีความน่าเชื่อถือสูงสุด
นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา รองประธานกรรมการ สธท.กล่าวว่า ในส่วนของสมาคมบริษัทจดทะเบียนจะมีการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ รวมถึงส่งเสริมการ นำหลักบรรษัทภิบาลที่ดีและการบริหารความเสี่ยงไป ใช้กิจการต่างๆ อย่างจริงจังควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของบริษัท
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานศูนย์ระดมทุนตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เปิดเผยว่า นอกจากบริษัทที่อยู่ใน SET50 แล้ว ตลาด หลักทรัพย์ได้เชิญบริษัทที่อยู่ระหว่างกระบวนการเข้าจดทะเบียนอีกจำนวน 3 บริษัทเพื่อร่วมนำเสนอข้อมูลในงานไทยแลนด์โฟกัสด้วย ซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) รวมกันประมาณ 3 แสนล้านบาท ได้แก่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มาร์-เกตแคปประมาณ 3 หมื่นล้านบาท บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)มาร์เกตแคปประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และบริษัทไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน)หรือกลุ่มบริษัทในเครือเบียร์ช้าง ที่มีมาร์เกตแคปกว่า 2 แสนล้านบาท
"การเชิญบริษัทที่อยู่ในกระบวนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักลง ทุนต่างชาติได้พอสมควร เพราะมีมาร์เกตแคปขนาด ใหญ่ที่กองทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนได้" นางสาวโสภาวดีกล่าว
นายธเนศ เต็มทรัพย์อนันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักลงทุนสถาบัน ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตอบรับเข้าร่วมงานไทยแลนด์โฟกัส2004(Thailand Focus 2004) แล้วจำนวน 230 คนซึ่งมาจาก 100 สถาบัน โดยแบ่ง เป็นจากสถาบันต่างประเทศหรือกองทุนต่างประเทศ 80 แห่ง และที่เหลืออีก 20 แห่ง มาจากกองทุนในประเทศซึ่งคิดเป็นสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้ง หมดที่ลงทุนอยู่ทั่วโลกจำนวน 16 ล้านล้านบาท
|
|
|
|
|