|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2547
|
 |

IV Parliament of the world's religions Barcelona July, 7-13 2004 แสวงจุดร่วม สมานจุดต่างเพื่อเราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
สำหรับงาน Forum Barcelona 2004 ตามที่ได้เคยนำเสนอมาแล้วในฉบับของเดือนมิถุนายนนั้นเป็นภาพรวมของงาน Forum ซึ่งจะจัดขึ้น ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 เดือน มีกิจกรรมที่เป็นลักษณะ Dialogues ตลอดต่อเนื่อง สำหรับในช่วง 7-13 กรกฎาคม ก็เป็นจังหวะของงานประชุมสภาศาสนาโลก ข้อสรุปที่ชัดเจนและเป็นเอกฉันท์จากผู้นำทางศาสนามากกว่าหนึ่งร้อยความเชื่อ ที่มารวมตัวกันในงานนี้คือ เราจะต้องพร้อมใจกันแสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง เพื่อเราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ในภาษาอังกฤษก็คือ We must join together to search for unity regardless of dissimilarity. So we can live together in peace.
คือให้แต่ละคนข้ามพ้นความแตกต่างที่มีอยู่ในแต่ละความเชื่อ ค้นหาจุดร่วมพื้นฐานที่เป็นสากล และมุ่งไปสู่เป้าหมายที่เป็นสากล คือ โลกที่สันติสุข ทุกคนเห็นตรงกันว่า ในสังคมโลกปัจจุบันนี้ การเผชิญหน้ากัน ของแต่ละศาสนาไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องที่จะนำโลกสู่สันติสุข แต่ถ้าทุกคนทุกความเชื่อหันหน้าเข้าหากันและร่วมมือกัน สันติสุขและสันติภาพในโลกจะไม่เป็นเรื่องที่เพ้อฝันอีกต่อไป
สำหรับจุดเริ่มต้นของสภาศาสนาโลกต้องย้อนไป เมื่อปี 1893 ที่เมืองชิคาโก กับความมุ่งหมายที่จะเป็นเวที ให้ทุกศาสนาได้เข้ามาพูดคุยกัน สำหรับครั้งที่สองเกิดขึ้นในปี 1993 คืออีก 100 ปีต่อมา ที่ชิคาโกเช่นเดียวกัน อีก 3 ปีต่อมาจัดขึ้นที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ และสำหรับครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่สี่ ได้จัดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
หนึ่งสัปดาห์ ผู้นำศาสนาจาก 75 ประเทศ จาก กว่าร้อยความเชื่อ รวมกันกว่าหนึ่งหมื่นคน มาพูดคุย กันกับความเชื่อมั่นที่ว่า เราสามารถทำงานร่วมกันได้เพื่อสร้างสันติภาพที่มั่นคงและถาวรให้เกิดขึ้นกับโลกได้
ในงานประชุมครั้งนี้มีการแบ่งกิจกรรมออกเป็นสามส่วน ดังต่อไปนี้คือ
Intrareligiosas : เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสที่ให้แต่ละศาสนาได้นำเสนอความเชื่อ คำสอน พิธีกรรมของตนเองเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้กัน
Interreligiosas : เป็นช่วงเวลาสำหรับ Dialogues และการอภิปรายของตัวแทนจากทุกศาสนาในเวทีเดียวกัน ในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง
Participativas : เป็นการนำเสนอโครงการหรือ ไอเดีย ที่ได้ทำไปแล้วหรือที่กำลังทำอยู่ในส่วนต่างๆ ของโลก และได้ผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ
จากหลักการดังกล่าวทำให้ในทุกๆ เช้าของงาน Forum จะเต็มไปด้วยภาพนักบวชที่หลากหลาย มาในชุดตามหลักความเชื่อและตามประเพณีของตน พร้อมด้วยภาพการประกอบพิธีกรรมตามแนวทางของตน เป็นกลุ่มบ้าง เดี่ยวบ้าง การปฏิบัติสมาธิของเชน ของยิว บทสวดของคริสเตียน พิธีของเต๋า ของโซฟี (อิสลาม นิกายหนึ่ง) การปฏิบัติสมาธิของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา การสวดมนต์ของพระทิเบต พิธีของชาวมายา การปฏิบัติของพวกโยคี ฯลฯ เสร็จจากช่วงดังกล่าว ในแต่ละวันก็จะมี Dialogues มากกว่า 60 รายการ ทำให้ในทุกอาคารของงาน Forum เต็มแน่นทั้งวัน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ซึ่งกันและกันของแต่ละศาสนาและแต่ความเชื่อในลักษณะอื่นๆ อีก เช่น การแสดงดนตรีหรือการแสดงทางวัฒนธรรม มีการร้องเพลงฟลาเมงโก้ของสเปน การตีกลองยักษ์ของญี่ปุ่น การเต้นหมุนตัวของโซฟี และ ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ การเปิดโรงทานเลี้ยงอาหารฟรี แก่ผู้มาร่วมงานทุกคนทุกวันตลอดงานของกลุ่มชาวซิกข์ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 400 ปีของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่า Adi Granth การประชุมสภาศาสนาโลกในครั้งนี้ได้กลายเป็นแหล่งรวมไอเดีย และกิจกรรมที่แต่ละศาสนาได้นำมาเสนอ เพื่อจะมุ่งไปสู่วัตถุประสงค์เดียวกันคือการสร้างสันติภาพและสันติสุขให้เกิดขึ้นกับโลกใบนี้ ทุกคนพร้อมที่มองเข้าหาตัวเองแก้ไขปรับปรุงตัวเอง และพร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อจะให้วัตถุประสงค์ดังกล่าว บรรลุเป้าหมายปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อการใช้ความรุนแรงในนามของพระเจ้า หรือการใช้พระเจ้าเป็นเหตุผล ในการก่อสงครามและการทำลายล้าง ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่เน้นย้ำกันอย่างมากในการประชุมทุกๆ วัน
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สงครามมักจะปะทุ ขึ้นในนามของพระเจ้าเสมอๆ แสดงให้เห็นว่าศาสนาส่วนใหญ่มีประวัติศาสตร์ที่ไม่ค่อยสวยงามนัก ฉะนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูป ซึ่งอันนี้ไม่ได้หมายถึง การล้มล้างหรือการทำลาย แต่เป็นการทำให้ดีขึ้นเพื่อยกระดับจิตใจของมนุษยชาติให้สูงขึ้นอย่างแท้จริง นี้เป็นเสียงหนึ่งจาก Raimon Panikkar นักปรัชญาชาวอินเดีย
อีกหัวข้อหนึ่งที่มีการพูดถึงกันมากคือ การค้นหาหลักจริยธรรมสากลเพื่อโลกยุคใหม่ ทุกศาสนาที่มาประชุมพร้อมกันในครั้งนี้เห็นพ้องกันว่า หลักการของจริยธรรมพื้นฐานนั้นมีอยู่ โดยให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเคารพและความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเป็นความดีสากลที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ขัดแย้งต่อความ เชื่อใดๆ เช่น ร่วมกันกำจัดสิ่งไม่ดีพื้นฐาน มีเหล้าบุหรี่ ยาเสพติด เป็นต้น ที่เป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดความไม่สงบสุขของทุกสังคมในทุกวันนี้
"ไม่มีระเบียบโลกใดจะดีไปกว่า ระเบียบของหลักศีลธรรมอันเป็นสากล" Hans Kung นักวิชาการคาทอลิกกล่าว
พอจะสรุปได้ว่า ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ศาสนาต่างๆ ทั่วโลกได้มารวมกันที่เมืองบาร์เซโลนาเพื่อมาแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นกัน แต่ละศาสนาได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้เป็นผู้ที่มีใจกว้างขึ้น เกิดแรงบันดาลใจ มองข้ามความแตกต่าง แล้วมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะจบแค่เพียงการพูดคุยเท่านั้น จะต้องมีการลงมือทำอย่างจริงจังด้วย การเปลี่ยนแปลงจึงจะเป็นไปได้ในทิศทางและรวดเร็วที่สุด
|
|
 |
|
|