|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2547
|
|
เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวและคนแรกที่กล้ากล่าวต่อหน้าสาธารณชนและสื่อมวลชนว่า "They want four more years of hell." หลังจากที่มีเสียงตะโกนจากกลุ่มผู้สนับสนุน George W. Bush ว่า "fours more years" หมายถึง พวกเขาต้องการประธานาธิบดีบุชต่ออีก 4 ปี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมครั้งที่ติดตามสามีวุฒิสมาชิก John Kerry ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาไปหาเสียงที่ Milwaukee มลรัฐ Wisconsin นอกจากนั้นยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ Teresa Heinz Kerry ประกาศความในใจอย่างกล้าแกร่งตรงไปตรงมาแบบ "ขวานผ่าซาก" เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายตรงข้ามอย่างมากที่พยายามจับผิดเธอ แต่ยังไม่สำเร็จแม้แต่ ครั้ง...
Teresa Heinz Kerry ถือเป็นสีสันในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ของอเมริกา เมื่อเทียบกับว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกาในอดีตในช่วงหาเสียง ซึ่งไม่ค่อยจะมีบทบาทมากนัก (ยกเว้น Hillary Clinton) ช่วงแรกที่เห็นเธอบนจอทีวีคู่กับ John Kerry ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการของพรรค เดโมแครตให้เขาเป็นตัวแทนในการเลือกตั้งครั้งนี้ สังเกตเห็นสีหน้าของเธอที่แฝงไปด้วยความกังวล และประหม่าไม่กล้าเผชิญหน้ากับกล้องและผู้คนมากมายที่ไม่คุ้นเคย และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอซ่อนไม่มิดคือ ความจริงที่อยู่ในใจของเธอ เธอพร้อมที่จะกล่าวสิ่งที่เธอคิดเธอรู้สึก ซึ่งบางครั้งอาจกลายเป็นภัยให้กับเธอได้ในอนาคต...แต่กระนั้น ในวันประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตที่เมือง Boston มลรัฐ Massachusetts เธอได้กล่าวปราศรัยสนับสนุน John Kerry ด้วยสำเนียงยุโรป ที่ฉาดฉานอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเธอ ประกอบกับท่วงท่าที่สง่างามสร้างความประทับใจให้ชาวเดโมแครต เป็นอย่างมาก แต่เธอสามารถเอาชนะใจผู้คนที่ไม่ใช่เดโมแครตหรือไม่นั้นต้องรอผลในวันที่ 2 เดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
Teresa Heinz Kerry มีชื่อเดิมว่า Maria Teresa Thierstein Simoes-Ferreira เกิดและเติบโตที่เมือง Mozambique ใน East Africa บิดาของเธอเป็นชาว Portuguese มีอาชีพเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้องอก ซึ่งได้เดินทางไปศึกษาค้นคว้าและวิจัยโรคที่เกี่ยวข้องกับเนื้องอกที่ Mozambique จากข้อความในนิตยสาร Mother Jones เล่าว่า บิดาของ Teresa ต้องการให้เธอเป็นหมอ แต่เธอกลัวว่าเธอจะกลายเป็นสาวโสด ไม่ได้แต่งงาน และไม่มีทายาท แต่ในวันนี้เธอกล่าวว่า "ฉันน่าจะลองดูสักตั้ง" ชีวิตในวัยสาวของ Teresa เธอทำหน้าที่เป็นนางพยาบาลติดตามบิดาของเธอไปรักษาคนไข้ ภาพที่เธอเห็นชินตาคือ บรรดากลุ่มแม่บ้าน ที่นั่งจับกลุ่มน้อมตัวปกป้องลูกน้อยที่ป่วยไว้ในอ้อมแขน อย่างเงียบๆ อยู่หน้ากระท่อมที่พักของเธอและครอบครัว จากภาพความทรงจำเก่าๆ เหล่านั้น เธอยอมรับว่า เธอคิดถึงบ้านที่ Mozambique บ้านที่สอนให้เธอคิดถึง คนอื่น ช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุข ที่สุด และช่วงระยะเวลาที่เธอเติบโตในสิ่งแวดล้อมแบบ นั้น หลอมเหลาให้เธอกลายเป็นคนที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม และการรักษาแบบธรรมชาติ และปัจจุบันเธอมีโครงการ หลายโครงการที่เกี่ยวข้องกับ healthcare และพยายาม ทำเมือง Pittsburgh ให้เป็นสีเขียว
Teresa จบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้าน Romance Languages และ Literature จาก University of the Witwatersrand ใน Johannesburg ประเทศแอฟริกาใต้ โดยเชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศส อิตาเลียน และโปรตุกีส จากนั้นเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านการแปลที่ University of Geneva เป็นมหาวิทยาลัยที่เธอมีเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อ Kofi Annan และเป็นสถานที่แรกที่เธอพบกับ H. John Heinz III ในปี ค.ศ.1962 สามีคนแรกที่เป็นทายาทธุรกิจพันล้านซอสมะเขือเทศ Heinz ซึ่งเป็นชื่อที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในทุกวันนี้ และ Pittsburg สถานที่ก่อตั้งของอาณาจักร Heinz ถือเป็นบ้านที่สองของเธอ หลังจากเธอแต่งงานกับ John Heinz เธอทำหน้าที่ของภรรยาและแม่ที่ดีของ ลูกชาย 3 คน John, Andre และ Christopher จนกระทั่งเธอและครอบครัวย้ายไป Washington เมื่อครั้งที่ John Heinz ได้ลงสมัครและรับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกสายรีพับบริกัน เธอต้องรับหน้าที่เป็นสาวสังคม ที่ฉลาดมีมันสมองและความรับผิดชอบ เธอเข้าร่วมช่วย หารายได้เข้าสมาคมหลายสมาคม เธอเป็นที่ชื่นชอบของหลายคน ยิ่งกว่านั้นอนาคตทางการเมืองของ John Heinz ก็กำลังไปได้ดี...แต่ทุกอย่างพลันมืดมนในวันที่ 4 เมษายนของปี ค.ศ.1991 เมื่อ Teresa ได้รับโทรศัพท์บอกข่าวการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเธอ... เครื่องบินเล็กชนกับเครื่องเฮลิคอปเตอร์ และตกลงบนสนามของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน Pennsylvania พรากชีวิตเด็กนักเรียนสองคน รวมทั้งนักบินและวุฒิสมาชิก John Heinz สามีของ Teresa Heinz
Teresa กลายเป็นม่ายที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันนั้น เธอต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว จากแม่บ้านผู้ไม่เคยรู้เรื่องการบริหารการเงิน การทำธุรกิจ เธอต้องตื่นฟื้นจากความโศกเศร้า กลายเป็นแม่ที่เข้มแข็งของลูกทั้งสาม และกลายเป็นนายที่เด็ดเดี่ยวของธุรกิจ Heinz ด้วยวัย 52 ปี ก่อนเกษียณเพียงไม่กี่ปี เธอต้องระมัดระวังในการใช้เงิน ทุกเพนนีที่เธอจะบริจาคให้แก่โครงการต่างๆ ซึ่งแต่ละโครงการต้องแสดงแผนงานที่จะพัฒนาชุมชนนั้นๆ อย่างชัดเจน ปีที่สองของชีวิตม่าย Teresa ต้องพบจิตแพทย์ และพึ่งยาคลายเครียด ความมืดมนครอบงำเธอและลูกๆ จนกระทั่งวันหนึ่งประธานาธิบดี Bush (Senior) เลือก เธอให้เป็นตัวแทนของ Republican ไปร่วมประชุม U.N. Earth Summit ที่ Rio ประเทศบราซิลและเข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำกับสมาชิกวุฒิสภาของอเมริกา และในคืนนั้นเอง คนที่นั่งข้างเธอที่โต๊ะอาหารนั้นคือ วุฒิสมาชิก John Kerry สายเดโมแครต ซึ่งเป็นตัวแทนจาก New England ในขณะนั้น...ผู้ซึ่งเธอไม่เคยรู้จัก... เหมือนกามเทพแผลงศร ณ โต๊ะอาหาร Teresa ถามเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า..."C'est pas possible." หรือ "That's available, isn't it." John Kerry ก็ตอบทันควันว่า "Oui, c'est possible." "Yes, it is." ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้เธอไม่น้อย และในวันถัดมา John Kerry ดักพบเธอที่หน้าโรงแรมที่พักขณะที่เธอกำลังจะเดินทางไปร่วมพิธี Mass โดย John Kerry ขอร่วมทาง ไปด้วย ซึ่งขณะนั้น John Kerry เป็นม่ายหนุ่มใหญ่ใช้ชีวิตกับลูกสาวสองคน Alexandra และ Vanessa เป็น เวลาร่วมสิบปี เขาช่วยนำพาความมีชีวิตชีวาให้กับ Teresa อีกครั้ง และในปี ค.ศ.1995 ทั้งสองตัดสินใจใช้ ชีวิตเคียงข้างกัน ท่ามกลางพยานรักของทั้งสองฝ่าย
วันนี้ด้วยวัย 65 ปี Teresa Heinz Kerry พร้อม ยืนเคียงข้างสามีของเธอในทุกหนแห่งบนถนนสู่ "The White House..." ดังคำกล่าวของเธอที่ว่า "The White House, I understand, is a lonely place. You have to be supportive-not phony supportive, but a good friend. That is what I hope to be."
|
|
|
|
|