ความที่เป็นบริษัทน้องใหม่ในเครือชินคอร์ป ทำให้ทุกคนล้วนจับตา Capital OK ว่าจะเป็นผู้เล่นที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับตลาด consumer finance ได้เหมือนกับที่ KTC เคยทำไว้เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน แต่ทำไปทำมา กลับเงียบผิดปกติ

อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศเศรษฐกิจโดยรวมไม่เป็นใจ เพราะในช่วงที่เริ่มเปิดตัวบริษัทแคปปิตอล โอเค บริษัท ร่วมทุนระหว่างธนาคารดีบีเอสจากสิงคโปร์ กับเครือชินคอร์ป เมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ยังเป็นช่วงที่เศรษฐกิจมีความคึกคัก ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ทุกวัน

ทำให้แทบทุกคนต่างมองกันว่าแคปปิตอล โอเค กำลังจะเข้ามาเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่สามารถสร้างสีสัน และปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (consumer finance) ของเมืองไทย

ซึ่งเป็นบทบาทที่บริษัทบัตรกรุงไทย (KTC) เคยทำเอาไว้เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน หลังจากได้มีโอกาสเข้าไประดมเงินทุนจาก ตลาดหลักทรัพย์ฯ

แต่ทำไปทำมาข่าวคราวของแคปปิ ตอล โอเค กลับเงียบไปกว่าที่ทุกๆ คนคิด ทั้งๆ ที่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินในกลุ่ม consumer finance ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อผ่อน ชำระสินค้า ฯลฯ มีการแข่งขันกันอย่างแทบจะเอาเป็นเอาตาย ตั้งแต่ในปี 2546 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปีนี้

ที่สำคัญแคปปิตอล โอเค มีฐานลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในระบบ GSM ของบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) อยู่ในมือแล้วถึง 14 ล้านราย ซึ่งน่าจะถูกนำมาใช้เป็นตลาด หรือแหล่งระบายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับแคปปิ ตอล โอเค ได้เป็นอย่างดี

ที่เป็นเช่นนี้ น่าจะเนื่องด้วยภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจของปีนี้ ที่พลิกผันไปจากเมื่อปีที่แล้วอย่างกับเหรียญคนละด้าน และทิศทางนี้เริ่มมองเห็นสัญญาณปรากฏออกมาตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเรื่องราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยโลกที่เริ่มขยับเพิ่มขึ้น ตลอดจนข่าวการก่อการร้ายที่แพร่กระจายไปทั่วโลก รวมถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ของประเทศไทย

ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือความเข้มงวดของทางการ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินภาคครัวเรือน อันเนื่องมาจากการที่คนนำเงินในอนาคตเข้ามาใช้ และการออกมาตรการ คุมเข้มธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารแห่งประเทศไทย

ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ ต้นปี เริ่มส่งสัญญาณด้วยการร่วงหล่นลงมาตลอด ไม่เหมือนกับในวันที่มีการแถลงข่าวความร่วมมือระหว่างชินคอร์ปกับธนาคารดีบีเอส เพื่อจัดตั้งบริษัทแคปปิตอล โอเคขึ้นมาใหม่ๆ จนหลายคนมองว่าการรุกเข้ามาในธุรกิจ consumer finance ของ ชินคอร์ปครั้งนี้ ทำผิดจังหวะ

แคปปิตอล โอเค เพิ่งมาจัดงานใหญ่ อีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยการจัดงานเลี้ยงฉลองเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการขึ้น ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เกษรพลาซ่า เป็นการเปิดตัวบริษัทหลังจากแถลงข่าวเรื่องการร่วมทุนจัดตั้งบริษัทไปแล้วถึง 7 เดือนเต็มๆ

บุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น ในฐานะประธานบริษัทแคปปิตอล โอเค บอกว่าแคปปิตอล โอเค มีความพร้อมแล้วสำหรับ การทำธุรกิจโดยผลิตภัณฑ์แรกที่บริษัทจะนำออกสู่ตลาดคือสินเชื่อส่วนบุคคล โดยตั้งเป้าหมายว่าจะขึ้นเป็น 1 ในผู้นำตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลภายใน 3 ปี ซึ่งดูเหมือน จะเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างถ่อมตัวไปสักนิด สำหรับความเป็นบริษัทในเครือชินคอร์ป

บรรยากาศของงานมีบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจ ไปร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง อาทิ ทศ จิราธิวัฒน์ CEO ของเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ที่มาใน look ใหม่ ควงคู่มากับพี่สาว ยุวดี พิจารณ์ จิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ธวัชชัย วิไลลักษณ์ จากกลุ่มสามารถ คอร์ปอเรชั่น รวมถึงผู้บริหาร ของเจมาร์ท และสุภัค ศิวลักษณ์ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย ฯลฯ

ไฮไลต์สำคัญน่าจะเป็น video presentation ที่นำผู้บริหารสถาบันการเงิน และองค์กรธุรกิจหลายแห่งออกมาประกาศ ตัวว่าได้เข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับแคปปิตอล โอเค เรียบร้อยแล้ว

บริษัทเหล่านี้ประกอบด้วยธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด นครธน ธนาคารเครดิต อะกริโคล อินโดสุเอซ ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ได้อนุมัติสินเชื่อให้กับแคปปิตอล โอเค แล้วเป็นวงเงินถึง 4,500 ล้านบาท ยังไม่รวมเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่เริ่มจัดโปรแกรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับแคปปิตอล โอเค ไปแล้ว

ประเด็นหนึ่งที่ตัวแทนสถาบันการเงินและองค์กรธุรกิจเหล่านี้ตอกย้ำความเป็นพันธมิตร ที่ปรากฏอยู่ใน video presentation ชุดนี้คือความที่แคปปิตอล โอเค เป็น 1 ในบริษัทในเครือชินคอร์ป

บรรยากาศทางธุรกิจที่เงียบเหงาลงไปบ้างสำหรับปีนี้ คงไม่ใช่เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการขยายตัวของแคปปิตอล โอเค เพียงแต่ในความเงียบ เมื่อเปรียบเทียบ กับพันธมิตรที่เปิดตัวไปแล้ว และกำลังจะเปิดตัวต่อไป คงทำให้อนาคตบริษัทน้องใหม่ในเครือชินคอร์ปแห่งนี้ไม่ธรรมดา

คงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไปว่าความเป็นบริษัทในเครือชินคอร์ป จะทำให้ แคปปิตอล โอเค เป็นบริษัทที่สามารถสร้าง สีสันให้กับตลาด consumer finance ใน segment ของ non-bank ในเมืองไทยต่อไปได้อย่างไรบ้าง