|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2547
|
|
กานต์ ตระกูลฮุน จะเป็น "ลูกหม้อ" อย่างแท้จริงคนแรกที่ก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่
เรื่องราวของเขาผมเขียนถึงมาสองครั้งแล้ว (นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2543 และธันวาคม 2546) และคาดการก้าวขึ้นมาของเขาได้อย่างถูกต้อง
เขาใช้เวลาทำงานไต่เต้ายาวนานที่สุดในบรรดาผู้จัดการใหญ่ที่เป็น "คนใน" ถึงประมาณ 28 ปี ในฐานะที่ทำงานที่เครือซิเมนต์ไทยแห่งเดียวเท่านั้นในชีวิต ก็ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม (พารณ อิศรเสนาฯ ใช้เวลาทั้งหมดรวมกับทำงานที่อื่นมาด้วยรวม 29 ปี ส่วนชุมพล ณ ลำเลียง ใช้เวลาประมาณ 25 ปี)
การไต่เต้าของเขาสะท้อนถึงการเปลี่ยนโครงสร้างบุคลากรในเครือซิเมนต์ไทยอย่างเด่นชัด กว่าเขาจะได้ก้าวขึ้นบริหารกลุ่มธุรกิจอย่างแท้จริงต้องใช้เวลาถึง 22 ปี เริ่มต้นในปี 2542 ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเซรามิคซิเมนต์ไทย ดูแลกิจการในกลุ่มเซรามิก
เส้นทางของเขาล้วนใกล้เคียงผู้บริหารรุ่นเดียวกันที่ขึ้นดูแล Strategic Business Unit ในคราวเดียวกันนี้
ในช่วงก่อนปี 2542 เครือซิเมนต์ไทยเต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ ผู้อาวุโสจำนวนมาก แต่ครั้นผ่านวิกฤติการณ์มา บุคลากรเหล่านี้ทยอยออกจากบริษัทไป ทั้งนี้จะด้วยเหตุผลที่พวกเขามาสู่ทางตันในตำแหน่ง เนื่องจากผู้จัดการใหญ่อายุน้อยกว่า หรือการปรับโครงสร้างกิจการเสียจนพวกเขาไม่อาจจะปรับตัวได้ ก็ตามที
ถ้ามองในมุมนี้ถือว่า กานต์ ตระกูลฮุน และทีมบริหารชุดใหม่ มีประสบการณ์ค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบผู้จัดการใหญ่คนก่อนๆ
พารณอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่นานประมาณ 10 ปี พอๆ กับชุมพล ในขณะที่กานต์มีประสบการณ์ระดับนี้ไม่ถึง 5 ปี
พวกเขาล้วนเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างธุรกิจเมื่อปี 2542 ที่พิสูจน์บทบาทนำในการเปลี่ยน แปลงองค์กรครั้งใหญ่ที่สุด ท่ามกลางวิกฤติการณ์ ว่าไปแล้ว เครือซิเมนต์ไทยยุคใหม่ (ตั้งแต่ปี 2506 เป็นต้นมา-ตามความคิดของหนังสือยุทธศาสตร์ความใหญ่เครือซิเมนต์ไทย ของผมเอง) ไม่เคยเผชิญวิกฤติการณ์ร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน
พวกเขาเป็นคนรุ่นใหม่อายุน้อยที่สุดในทีมบริหารที่เคยเป็นมา ย่อมมีความหมายที่เหมาะสมกับการบริหารยุคหน้าดีทีเดียว
ยุคหน้าของพวกเขาท้าทายกว่าปี 2542 มากนัก เช่นเดียวกับยุคชุมพล ณ ลำเลียง ได้ผ่านช่วงที่ดีที่สุดที่เหมาะสมกับพวกเขาไปแล้ว นั่นคือการพลิกฟื้นฐานะกิจการหลังวิกฤติการณ์ครั้งล่าสุด พวกเขาคงไม่มีแรงบันดาลใจในความท้าทายใหม่ๆ แล้วก็ว่าได้
แม้ว่า "ผู้จัดการ 100" ของนิตยสารผู้จัดการ (ฉบับมิถุนายน 2547) ซึ่งประเมินจากตัวเลขทางบัญชี (โดยเฉพาะรายได้) เครือซิเมนต์ไทยยังคงเป็นบริษัทระดับต้นๆ ของประเทศไทยอยู่ แต่หากมองตามแนวคิดตะวันตก ว่าด้วย Market Value เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง "The Global 1000" (BusinessWeek July 26-August 2, 2004) ระบุว่า Market Value ของเครือซิเมนต์ไทยอยู่อันดับ 3 ของประเทศไทย โดยเฉพาะเป็นรอง AIS (Advance Info Services) ของตระกูลชินวัตรเพียงบริษัทเดียว ซึ่งก่อตั้งมาประมาณ 20 ปีเท่านั้น
เครือซิเมนต์ไทยในยุคหลังปี 2542 ให้ความสำคัญของความคิดเห็นของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งมีวิธีคิดเช่นเดียวกับที่ BusinessWeek เสนอ ย่อมเป็นโจทย์ที่มีความหมายกว้างขวางและลึกมากทีเดียวสำหรับทีมบริหารรุ่นใหม่
|
|
|
|
|