|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2547
|
|
เทคโนโลยีใหม่ทางการแพทย์ทำให้ผู้หญิงสามารถนำไข่ของเธอออกมาแช่แข็งเก็บไว้ ก่อนที่ความสามารถในการมีบุตรของเธอจะหมดไป
เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว ที่สเปิร์มแช่แข็งและตัวอ่อนแช่แข็ง ได้ช่วยให้กำเนิดเด็กทารกมาแล้วหลายพันคน และทำให้คู่สามีภรรยาที่มีบุตรยากได้มีบุตรสมใจ รวมทั้งช่วยให้สาวโสดปฏิวัติวิธีการสืบลูกสืบหลานของมนุษย์ จากวิธีธรรมชาติมาสู่ห้องทดลอง
มาถึงตอนนี้ ถึงเวลาของ "ไข่แช่แข็ง" บ้าง
ขณะนี้เทคโนโลยีแช่แข็งไข่มนุษย์ ประสบความสำเร็จในการสร้างเด็กทารกมาแล้วราว 100 คน บริษัทรับแช่แข็งไข่ "Extend Fertility" ซึ่งเพิ่งก่อตั้งขึ้นในปีนี้โดย Christy Jones มหาบัณฑิต MBA จากฮาร์วาร์ดกำลังรับสมัครสตรีที่ต้องการ นำไข่ของเธอมาแช่แข็ง และกำลังร่วมมือ กับศูนย์การเจริญพันธุ์ทั่วสหรัฐฯ เพื่อสร้าง เครือข่ายคลินิกไข่แช่แข็งทั่วประเทศ ตัว Jones เองซึ่งเป็นสาวโสดวัย 34 ก็มีไข่ของเธอที่แช่แข็งไว้แล้ว 12 ใบ
กรรมวิธีแช่แข็งไข่เริ่มต้นด้วยการฉีดฮอร์โมนเข้าไปในตัวผู้หญิง เพื่อเพิ่มจำนวนไข่ให้ได้ประมาณ 12 ใบ จากนั้นจึงแยกไข่ออกมาจากตัวผู้หญิง แล้วนำมาเลี้ยงไว้ในสาร protectant ก่อนจะนำมาแช่แข็งในถังไนไตรเจนเหลว จนกว่าผู้หญิง เจ้าของไข่จะต้องการมีบุตร ก็สามารถนำไข่ของเธอที่แช่แข็งไว้มาทำการละลาย ผสม และฝังกลับเข้าไปในมดลูกของเธอได้
สำหรับผู้หญิงยุคใหม่ที่มักแต่งงานช้าหรือไม่แต่งเลย แต่ยังต้องการมีบุตร ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีแช่แข็งไข่ จะเป็นเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ที่มีการคิดค้นเทคโนโลยีคุมกำเนิดสำหรับผู้หญิงเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทคโนโลยีแช่แข็งไข่จะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ยังเป็นศาสตร์ที่ใหม่มาก และต้องการการพัฒนาต่อไปอีกพักใหญ่ การฉีดฮอร์โมนยังไม่ได้ผลสมบูรณ์ทุกครั้งและอาจมีผลข้างเคียง โดยทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิงสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคทางเทคนิคอีกหลายอย่าง เนื่องจากไข่ของมนุษย์มีขนาดใหญ่และมีลักษณะเปียกชุ่ม ทำให้มีความไวสูงมากต่อการถูกทำลายจากความเย็นจัด ส่วนกลไกในไข่ที่ทำหน้าที่แบ่งโครโมโซมหลังจากที่ไข่ถูกผสม ก็มีความบอบบางมากและไวต่อการถูกทำลาย ทั้งในขั้นตอนการแช่แข็งและการละลาย
จากข้อมูลสถิติความสำเร็จของการสร้างทารกจากไข่แช่แข็งซึ่งยังคงมีอยู่เพียงน้อยนิดระบุว่า อัตราความสำเร็จของไข่ที่ไม่ถูกทำลายจากการแช่แข็งอยู่ที่ประมาณ 80% ส่วนอัตราความสำเร็จที่ไข่ที่ถูกแช่แข็งสามารถนำมาผสมจนเกิดการปฏิสนธิ ยังขาดความแน่นอน แต่พอจะสรุปได้ว่าอยู่ที่ 20%
อย่างไรก็ตาม ปลายปีนี้คาดว่า American Society for Reproductive Medicine จะออกคำแนะนำเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการแช่แข็งไข่ของผู้หญิง คงจะระบุว่า ควรจะใช้เทคโนโลยีนี้ในระดับของการรักษาเชิงทดลองเท่านั้น และจะต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบดูแลอย่างเข้มงวด รวมทั้งไม่ควรนำมาใช้ "ทางการค้า" สำหรับผู้หญิงที่ต้องการเก็บไข่ของเธอ ก่อนที่เธอจะหมดความสามารถในการมีบุตร ซึ่งแพทย์จำนวนมากเห็นด้วยว่า เทคโนโลยีนี้ควรนำมาใช้แต่เฉพาะผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวด้วย chemotherapy หรือคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก และไม่ต้องการมีบุตรด้วยวิธีแช่แข็งตัวอ่อนเนื่องด้วยเหตุผลทางศาสนา
แต่ไม่รู้ว่าคำเตือนจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจะช้าเกินไปหรือเปล่า สำหรับหญิงสาวยุคดิจิตอลอย่าง Cassandra McCarthy และ Rebecca Holverson McCarthy สาวสวยโสดวัย 34 ได้ใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าทำแช่แข็งไข่ของเธอให้แก่บริษัท Extend Fertility ไปแล้วในราคา 13,000 ดอลลาร์ บวกกับค่าเก็บรักษาไข่รายปีอีก 500 ดอลลาร์ และรู้สึกสบายอกสบายใจอย่างยิ่ง ที่ตัวเองไม่ยืนเฉยๆ ปล่อยให้ความสามารถในการมีบุตรหมดไป โดยไม่พยายามทำอะไรเลย เพราะเธอไม่รู้ว่าเมื่อไรจึงจะเจอเนื้อคู่และได้แต่งงาน
ส่วน Holverson ซึ่งเพิ่งแท้งบุตรและหย่ากับสามี ก็เลือกที่จะฝากไข่ของเธอกับศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งใน Indianapolis เป็นของขวัญวันเกิดปีที่ 30 ให้แก่ตัวเอง
แปลและเรียบเรียงจาก
Newsweek August 2, 2004
โดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
|
|
|
|
|