|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บิ๊กโตโยต้าเสนอรัฐบาลไทยลดภาษีนำเข้ารถไฮบริด สานฝันไทยเป็นฐานการผลิต รถในภูมิภาค เผยนำเข้า "โตโยต้า พริอุส" ปีหน้า หากอนาคตสดใสจะนำชิ้นส่วนมาประกอบในไทย ส่วนกรณีที่ผู้นำเข้าอิสระชิงตัดหน้านำเข้าโตโยต้า พริอุสจำหน่ายก่อนไม่เป็นผลดีต่อลูกค้า โดยเฉพาะการบริการหลังการขาย ด้านฮอนด้าเตรียมรุกตลาด เต็มตัว เห็นพ้องโตโยต้าขอรัฐลดภาษีนำเข้า
นายเรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯสนับสนุนนโยบายรัฐบาลไทยในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถปิกอัพ รถยนต์นั่ง เพื่อขายในประเทศและส่งออกไป ยังต่างประเทศ แต่รัฐบาลควรทบทวนภาษีรถนำเข้า ใหม่ เนื่องจากกำแพงภาษีรถนำเข้าค่อนข้างสูง
ที่ผ่านมารัฐบาลลดภาษีรถพลังงานทดแทนเหลืออัตราเดียว 10% จากเดิมที่เสียภาษีตามขนาดเครื่องยนต์ 35-48% เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานทดแทนและสนับสนุนให้รถประเภทนี้สามารถ ทำตลาดและผลิตในประเทศไทยได้ แต่รถประเภทดังกล่าวประกอบในต่างประเทศ ทำให้ผู้นำเข้าต้องเสียภาษีนำเข้าของกรมศุลกากรในอัตราสูงถึง 80%
"เราพร้อมที่นำรถประเภทนี้เข้ามาจำหน่ายเพื่อสนองนโยบายของรัฐที่ลดภาษีสรรพสามิตเหลือแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่เราก็อยากจะขอให้รัฐบาลพิจารณาภาษีนำเข้าด้วย เพราะหากมาคำนวณภาษีราคาก็ยังสูงอยู่ดี ผู้บริโภคคนไทยอาจจะไม่สนใจซื้อที่สำคัญประเทศอื่นๆ รัฐบาลให้ภาษีพิเศษสำหรับประเภทนี้อย่างเช่นจีน หรือเกาหลี เหลือแค่ 20-40 เปอร์เซ็นต์"
นายซาซากิ กล่าวว่า โตโยต้าก็มีแผนที่จะนำเข้ารถไฮบริดมาจำหน่ายในปีหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นรถแบบใด เนื่องจากรถไฮบริด ของโตโยต้ามีหลายรุ่น หลายแบบ อาทิ ซีดาน มินิแวน เอ็มพีวี เป็นต้น โดยจะต้องมีการสำรวจความต้องการของลูกค้าก่อนว่าชอบแบบไหน ถ้าหากในอนาคตมีผู้บริโภคสนใจมากขึ้น บริษัทฯอาจจะมีการนำชิ้นส่วนเข้ามาประกอบในไทยก็เป็นได้
"แน่นอนเมื่อตัดสินใจจะนำรถเข้ามาจำหน่ายแล้ว ทางบริษัทฯก็เตรียมความพร้อมในเรื่องของการบริการหลังการขายให้พร้อม เพราะรถประเภทนี้ไม่เหมือนรถทั่วไปเนื่องจากใช้เทคโนโลยีสูง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริการ การซ่อม การสต๊อกอะไหล่ จะต้องมีการอบรมพนักงานเป็นพิเศษเพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์"
นายซาซากิ กล่าวว่า ถ้าโตโยต้านำเข้ามาจำหน่ายเชื่อว่ามีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่สนใจและอยากจะเป็นเจ้าของ แต่ลูกค้าก็ต้องทำใจเพราะราคาจะยังคงสูงอยู่
ส่วนกรณีของผู้นำเข้าอิสระได้นำเข้ารถพริอุส มาขายตัดหน้านั้น นายซาซากิ กล่าวว่า "เรามองว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าแต่อย่างใด ลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับภาระ เพราะรถพวกนี้จะมีอุปกรณ์พิเศษและใช้เทคโนโลยีสูง ฉะนั้น บุคลากรจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในรถประเภทนี้ ที่สำคัญรถที่ผลิตขายในต่างประเทศถ้ามาขายในไทยอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับสภาพถนน อากาศ ในบ้านเรา ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาภายหลังได้"
ขณะที่ทางฮอนด้าเองก็อยากจะให้รัฐบาลช่วยพิจารณาในเรื่องลดภาษีนำเข้าเช่นกัน โดยอัตราที่เหมาะสมน่าจะที่ 50% ซึ่งจะทำให้สัดส่วนระหว่างรถไฮบริดกับรถธรรมดาไม่ห่างเกินไปมากนัก แต่ถ้า หากไม่ลดภาษีนำเข้าลงมาอาจจะทำให้รถประเภทนี้ไม่ได้เกิดเพราะต้องควักเงินจ่ายแพงเกินเหตุ
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ ผู้จัดการฝ่าย ผลิตภัณฑ์การตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ฮอนด้ากำลังปรึกษาทีมงาน การตลาดอยู่ว่าจะกลับมาทำอย่างจริงจังหลังจากภาครัฐลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 10% เนื่องจากฮอนด้าเป็นเจ้าแรกที่เปิดตลาดรถประเภทนี้ แต่อยาก จะให้ภาครัฐช่วยลดภาษีนำเข้าลงมา เพราะทุกวันนี้ภาษีนำเข้าค่อนข้างสูงแม้จะมีการลดภาษีสรรพสามิต แล้วก็ตาม แต่เมื่อมาคำนวณราคาก็ไม่แตกต่างจากราคาจำหน่ายเดิมมากนัก
สำหรับราคารถไฮบริดของฮอนด้า รุ่นซีวิค ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันราคาสูงถึง 1.7 ล้านบาท ส่วนโตโยต้า พริอุส ที่ผู้นำเข้าอิสระ คือบริษัท ออโต้ อิมเมจ จำกัด ของนายเกรียงไกร ลิ้มนันทรักษ์ อดีตนักแข่งรถทางเรียบได้นำเข้ามาจำหน่ายในราคาประมาณ 2.2-2.3 ล้านบาท
|
|
|
|
|