ผู้ประกอบการอสังหาฯหวั่นแบงก์ไทยพาณิชย์นำร่องปรับขึ้นดอกเบี้ยเคหะอีก 0.25-0.50% กระทบกำลังซื้อลูกค้า ชี้ต้องรอดูแบงก์ใหญ่พาเหรดตามหรือไม่ ด้านผู้บริหารธนาคารฯอ้างต้นทุนดำเนินงานสูงขึ้น เผยยอดครึ่งปีปล่อยสินเชื่อบ้านแล้วสุทธิ 14,500 ล้านบาท ตั้งเป้าทั้งปี 25,000 ล้านบาท
ผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะอีก 0.25-0.50% ว่า โดยภาพรวมแล้วขณะนี้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย และหากมีเรื่องของธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเข้ามาเสริม จะยิ่งส่งผล ให้การตัดสินใจของผู้บริโภคชะลอออกไปอีก โดยเฉพาะลูกค้าที่มีเวลาในการตัดสินใจ ในส่วนนี้จะถูกดึงออกสู่ตลาดไปอีกระยะหนึ่ง
"ต้องดูว่าธนาคารพาณิชย์รายอื่นมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะอีกหรือไม่ เพราะหากหลายธนาคารปรับขึ้นจะมีผลต่อตลาดมากขึ้น ซึ่งเหตุผลที่แบงก์ไทย พาณิชย์อ้างว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นก็ฟังดูได้ หรือธนาคารพิจารณาว่าสินเชื่อเคหะ ที่ปล่อยมีปริมาณมาก จึงต้องการปรับพอร์ตให้เหมาะสมขึ้น เนื่องจากแบงก์ไทยพาณิชย์ครองส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อรายย่อยสูงสุด ส่วนของผู้ประกอบการคงต้องปรับตัวและรับกับการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากฟากของผู้ประกอบการด้วยกัน และการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของแบงก์" ผู้บริหารกล่าว
นายนะเพ็งพาแสง กฤษณามระ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายการขายและ บริการ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารได้ตัดสินใจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อเคหะอีก 0.25-0.5% โดยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1 ปีและ 2 ปีสำหรับลูกค้าทั่วไป ธนาคารได้ปรับเพิ่มขึ้น 0.25% และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี 0.5% จากเดิมที่ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยที่ประมาณ 2.95% ซึ่งการปรับขึ้นดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2547 สำหรับลูกค้ารายใหม่
สำหรับธนาคารได้ปรับขึ้นเฉพาะอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปี และ 3 ปี ในอัตราเดียวกัน ส่วนอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1 ปีสำหรับโครงการเกรด A ธนาคารยังไม่ได้ทำการปรับขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้การที่ธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น
นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่าในส่วนของธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ จะทบทวนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะประมาณในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น และอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะทั้งระบบอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก ทำให้แต่ละธนาคารจะมีการพิจารณา ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย เร็วๆ นี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกติ คงจะมีการปรับขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นปี 48
ลุ้นทั้งปีปล่อยกู้สินเชื่อเคหะตามเป้า
นายนะเพ็งพาแสง กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาธนาคารมียอดสินเชื่อเคหะเพิ่มสุทธิจำนวน 14,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 14.1% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนธันวาคม 2546 และในปี 2547 ธนาคารได้ตั้งเป้าสินเชื่อเคหะเพิ่มสุทธิ 25,000 ล้านบาท หรือคิดอัตราขยายตัว 20% โดยที่ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 27% หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 110,000 ล้านบาท จากยอดรวมทั้งระบบธนาคาร พาณิชย์กว่า 400,000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลอยู่ที่ระดับ 1-3% ของ พอร์ต แต่เนื่องจากยอดสินเชื่อที่เพิ่ม ขึ้นอยู่เสมอทำให้ยอดเอ็นพีแอลของธนาคารลดต่ำลงไปตามสัดส่วน
นางจันทิมา จตุรภัทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์ SCB กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในส่วนนี้ แต่ธนาคารยังเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและ รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการ ของลูกค้า โดยธนาคารคาดว่าธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามในเร็วๆ นี้
"ลูกค้าที่ได้รับอัตราดอกเบี้ยคงที่มีอยู่ประมาณ 60% ของพอร์ตสินเชื่อเคหะรวม เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อเป็นจำนวน มาก ความต้องการจริงๆ แล้วธนาคารต้องการให้อัตราดอกเบี้ยเป็น ในลักษณะลอยตัวมากกว่าอัตราดอก เบี้ยคงที่ ซึ่งการที่ปล่อยให้อัตราดอก เบี้ยลอยตัวจะส่งผลให้ศักยภาพในการแข่งขันของธนาคารไทยพาณิชย์ลดลง" นางจันทิมากล่าว
ทั้งนี้ บริษัทอสังหาฯที่ส่งลูกค้า ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์สัดส่วนสูง ได้แก่ กลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอเชียน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้กับธนาคารมีจำนวน 40-50% ของพอร์ตสินเชื่อเคหะทั้งหมด โดยจะเป็นลูกค้ารายย่อยถึง 70%
ส่วนความร่วมมือกับสมาคมรับสร้างบ้าน นายนะเพ็งพาแสง กล่าวว่า สินเชื่อที่ธนาคารไทยพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารับสร้างบ้าน 2 รูปแบบ คืออัตราดอกเบี้ยคงที่ และแบบขั้นบันได โดยอัตราดอกเบี้ย คงที่ 1 ปี คิด 3% คงที่ 2 ปี 4% คงที่ 3 ปี 5.25% ส่วนแบบขั้นบันได ปีที่ 1 คิด 4.25% ปีที่ 2 คิด 5.25% ปีที่ 3 คิด 6.25% หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ย ลอยตัวตาม MLR-0.75%
สำหรับผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อเคหะในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 25,000 ล้านบาท คิดเป็นยอดสินเชื่อ เพิ่มสุทธิ 14,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 14.1% เมื่อเทียบกับยอดสินเชื่อ ณ เดือนธันวาคม 2546 โดยปี 2547 ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายสำหรับสินเชื่อเคหะ เปิดบัญชีใหม่ไว้ 48,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิ ณ สิ้นปี 2547 อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา เติบโตเฉพาะสินเชื่อเคหะอยู่ที่ 20% ส่วนการปล่อยสินเชื่อเพื่อการปลูกสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 400 ล้านบาท โดยธนาคารได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพื่อการปลูกสร้างบ้านสิ้นปี 2547 จำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย
ด้านนายปราโมทย์ ธีรกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า จากที่ทางสมาคมได้เตรียมจัดงาน "แสดงสินค้ารับสร้างบ้าน 2004" ในวันที่ 30 ก.ย. - ต.ค. 47 นี้ สมาคมฯมุ่งหวังที่จะสร้างการรับรู้และเพิ่มโอกาสการขยายตลาดของธุรกิจรับสร้างบ้านให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอัตราเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี โดยในปี 2546 มีมูลค่าตลาด 5,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าสิ้นปี 2547 น่าจะมีมูลค่าเกินกว่า 6,000 ล้านบาท
|