Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2543
ด้านลบของการท่องเว็บ             
 


   
search resources

Networking and Internet




บริษัทอเมริกันสอดส่องการใช้เว็บของพนักงาน พบท่องไซต์ลามก-อีเมลจีบกัน-ชอปปิ้งอุตลุด

เป็นเวลาถึง 2 ปีทีเดียว ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของบริษัทการเงินในแถบนิวอิงแลนด์ของอเมริกา หลังจากเดินทางไปถึงออฟฟิศตอนเช้าของแต่ละวัน และกล่าวทักทายเลขานุการของเขาแล้ว ก็จะปิดประตูห้องทำงานอันกว้างขวาง จัดแจงปิดม่าน และวาง ที่กำบังต่างๆ ตลอดจนเลื่อนจอคอมพิว เตอร์บนโต๊ะทำงานให้เอียงเข้าหาตัว ทั้งนี้เผื่อมีใครจู่โจมบุกเข้ามากะทันหัน พวกเขาก็จะยังมองไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ต่อจากนั้น 6 ชั่วโมง หรือบางครั้งจนกระทั่ง 8 ชั่วโมง ผู้บริหารรายนี้จะท่องไปในอินเทอร์เน็ต มองหาเว็บไซต์โป๊ๆ ชนิดลามกอนาจารที่สุดเท่า ที่จะเสาะหาได้

นักท่องเว็บไซต์พิศวาสรัญจวนจิตรายนี้ มีหน้าที่การงาน ซึ่งทำให้เขาสามารถเกียจคร้านได้อย่างจุใจ โดยสิ่งที่เขาต้องทำก็คือ ทำให้ดูเหมือนว่ามีงานยุ่งๆ อยู่เรื่อยเท่านั้น กโลบายเช่นนี้ใช้ได้ผลตลอดมาจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อประมาณ 6 เดือนมาแล้ว ตอน ที่บิ๊กบอสของเขาขอให้เขาเข้าร่วมอยู่ในคณะกรรมการของบริษัท ชุด ซึ่งทำหน้าที่ร่างนโยบายว่าด้วยการใช้อินเทอร์เน็ตไปในทาง ที่ผิดไม่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท

น่าขัน ที่ปัจจุบัน ผู้บริหารคนดังกล่าวกลายเป็นส่วนหนึ่งในทีมงานของบริษัท ซึ่งมีหน้าที่จัดการแก้ไขปัญหานี้ ขณะเดียวกัน เขาก็แอบไปพบจิตแพทย์ เพื่อขอคำปรึกษา และตัดใจลดเวลา ที่ใช้จ้องมองดูสาวๆ หน้าจอลงเหลือเพียงวันละ 1 ชั่วโมง

ผู้บริหารบริษัทการเงินผู้นี้อาจเป็นตัวอย่างแบบสุดโต่งของคน ซึ่งอาศัยการได้สิทธิในการใช้อินเทอร์เน็ตไปในทางมิชอบ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีลูกจ้างพนักงานจำนวนมาก ที่กระทำเรื่องไม่สมควรทำนองนี้กันอยู่ไม่มากก็น้อย นายแพทย์เดวิด กรีนฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขการเสพย์ติดอินเทอร์เน็ต ซึ่งตั้งอยู่ ที่เมืองเวสต์ ฮาร์ต ฟอร์ด รัฐคอนเนกติกัต ชี้ว่า "เว็บไซต์ ซึ่งคนชอบแอบเข้าไปดูกันมากที่สุดในเวลาทำงานก็คือ ไซต์ลามก" ขณะที่เซ็กซ์ แทรกเกอร์ อันเป็นบริษัทให้บริการติด ตามการใช้ไซต์ลามกทั้งหลาย ก็ช่วยยืนยันว่า ไซต์เรตเอ็กซ์อย่าง แพสชั่น แพเลซ และ แพลเน็ต เลิฟ มีผู้เข้าไปท่องชมในระหว่างชั่วโมงทำงานถึงราว 70% ของผู้เข้าไปเยือนทั้งหมด เซ็กซ์แทรกเกอร์ประมาณการว่า พนักงานออฟฟิศทุก 1 ใน 5 คน ต่างเข้าไปท่องไซต์ลามกในขณะทำงานกันทั้งนั้น

แน่นอนว่า ไซต์ลามกย่อมมิใช่สถานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการงานเพียงประเภทเดียว ที่ลูกจ้างพนักงานชอบหลบเข้าไปเยือนกัน ในโลก ซึ่งสามารถทำอะไรได้ตั้งมากมายเพียงด้วยปลายนิ้วสัมผัส อินเทอร์เน็ตจึงกลายเป็นแหล่ง ที่นักหลบ นักอู้งานสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้เยอะแยะ อาทิ ดูแค็ตตาล็อก และสั่งซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ผ่านระบบออนไลน์, หาข้อมูล เพื่อ วางแผนรายละเอียดสำหรับการไปท่องเที่ยวช่วงพักร้อน, ไล่จีบเกี้ยวพาคนที่รู้จักกันทางไซเบอร์สเปซกันให้สายร้อนฉ่า, เล่นหุ้นกันแบบรายวัน, ตลอดจนเข้าประมูลซื้อของติดเนื้อต้องใจผ่านเว็บไซต์ จำพวกอีเบย์ ฯลฯ

หลักฐาน ที่คอนเฟิร์มเรื่องอย่างนี้ก็คือ ชาร์ลส์ ชเว็บ แอนด์ โค บริษัทโบรกเกอร์ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตชื่อดังยอมรับว่า ลูกค้าถึงราว 70% สั่งซื้อสั่งขายหุ้นผ่านทางคอมพิวเตอร์ ที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศของพวกเขา ฮอลล์มาร์กดอทคอม เว็บไซต์ของบริษัทจำหน่ายบัตรอวยพร ที่ใครๆ รู้จัก จะซ่อมแซมเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของตนในช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องจาก 95% ของธุรกรรมจะเกิดขึ้นในช่วงวันทำงาน อินเตอร์เนชั่นแนล เดต้า คอร์ป (ไอดีซี) บริษัทวิจัยด้านไอทีประมาณการไว้ว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของคนงานอเมริกัน ที่สูญเสียกันอยู่เวลานี้ ที่เนื่องมาจากถูกใช้เอ้อระเหยในไซเบอร์นั้น สูงถึง ราว 30-40% ทีเดียว "ความลับสกปรกข้อเล็กๆ ข้อหนึ่งของอี-คอมเมิร์ซก็คือ มันเป็นการซื้อขาย ที่กระทำกันในช่วง 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น" แอนดริว เมเยอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัท เว็บเซนส์ อิงค์ กระซิบบอก บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้เป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ที่จะคอยติดตามตรวจสอบลูกจ้างพนักงาน เว็บเซนส์คาดหมายว่า ราคาของการอู้งานไป กับอินเทอร์เน็ตทั้งหมดเหล่านี้สูงถึงปีละ 54,000 ล้านดอลลาร์

ในเมื่อตัวเลขความเสียหายไม่ใช่น้อยๆ เลย ผู้จัดการของบริษัทจำนวนมากจึงกำลังตอบโต้หาทางปราบปรามความประพฤติมิชอบเหล่านี้กันอยู่ เกือบหนึ่งในสามของบริษัท ที่ทางเว็บเซนส์สุ่มสำรวจความเห็น มีการไล่ลูก จ้างพนักงานออกด้วยความผิดฐานใช้อินเทอร์เน็ตไปในทางไม่สมควร และสองในสามเคยลงโทษทางวินัยต่อลูกจ้างพนักงานบางรายที่ทำความผิดทำนองนี้มาแล้ว

ทางด้านสมาคมการจัดการอเมริกันก็แจกแจงว่า เกือบสามในสี่ของบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เวลานี้ต่างกำลังมีการบันทึก และตรวจสอบเรื่องการติดต่อสื่อสารของลูกจ้างพนักงานกันอยู่ การสื่อสาร ที่ว่านี้ครอบคลุมทั้งการใช้โทรศัพท์, อีเมล, และการติดต่อทางอินเทอร์เน็ต ส่วนตัวเลขเกือบสาม ในสี่ก็จัดว่าสูงขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อปี 1997

การสอดแนมตรวจตรา ที่กระทำกัน กำลังเปิดเผยให้เห็นพฤติกรรมทางออนไลน์ทุกชนิดทุกประเภท โดยจำนวน มากทีเดียวเป็นเรื่องทางเซ็กซ์ เมื่อไม่นานมานี้ หลายๆ บริษัท อาทิ ซีร็อกซ์, นิวยอร์กไทมส์, เอดเวิร์ด โจนส์, และ เฟิร์สต์ ยูเนียน แบงก์ ต่างมีการไล่พนัก งานออก โทษฐานส่งข้อความอันเป็น การจาบจ้วงทางเพศผ่านระบบอีเมลของบริษัท ส่วน เชฟรอน คอร์ป กับ ไมโครซอฟท์ คอร์ป ต่างต้องประนี ประนอมยอมความในคดีล่วงละเมิดทางเพศโดยจ่ายค่าเสียหายรายละ 2.2 ล้านดอลลาร์ สืบเนื่องจากการส่งอีเมลเวียนกันภายในบริษัท ซึ่งมีเนื้อหาอันอาจก่อให้เกิด "สภาพแวดล้อมการทำงาน ที่เป็นปรปักษ์ขึ้นมา"

แต่ขณะที่เมื่อช่วง 1 ปีที่ผ่านมาแล้ว เรื่องกังวลใจอันดับหนึ่งของบริษัทต่างๆ คือ คดีความเกี่ยวกับอีเมลละลาบละล้วงทางเพศ และการไปท่องไซต์ลามก เวลานี้ความวิตกเปลี่ยนมาเป็นเรื่องของการเสียเวลา และเสียงานเสียการมากกว่า ดังตัวอย่าง ซึ่งเกิดขึ้น ที่ โกลิน/แฮริส อินเตอร์เนชั่นแนล อันเป็นบริษัทประชาสัมพันธ์ ซึ่งตั้งอยู่ในนครชิคาโก เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา แบร์เรตต์ บุสส์ ผู้อำนวยการฝ่ายระบบสารสนเทศ ได้ทดลองใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ใหม่ของบริษัท ซึ่งทำหน้าที่ติดตามการใช้เว็บของลูกจ้างพนักงาน เนื่องจากสังเกตเห็นว่า 80% ของแบนด์วิดธ์ ที่สำนักงานสาขาแห่งหนึ่งของบริษัท ถูกใช้ไปในการติดต่อเข้าสู่ไซต์ของแนปสตาร์ อันเป็นเว็บไซต์ ซึ่งชื่อฉาวเพราะอนุญาตให้ยูสเซอร์เข้าไปดาวน์โหลดเพลงละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ ได้แบบฟรีๆ ผลปรากฏว่าได้พบพนักงานโกลิน/แฮริส 3 คน หลบงานเข้าไปดาวน์โหลดเพลงจากไซต์แห่งนั้น โกลิน/แฮริสจึงต้องจัดการปราบปราม และสั่งห้ามพนักงานเข้าไปในแนปสตาร์เมื่อทำงานอยู่ ที่ออฟฟิศ บุสส์โอดโอยว่า เรื่องอย่างนี้ เป็นปัญหาทางจริยธรรมด้วย และเขาไม่ชอบเลย ที่มีการดาวน์โหลด สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์เข้ามาอยู่ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเขาดูแลอยู่

กรณีของโกลิน/แฮริสชี้ให้เห็นแนวโน้ม ที่ว่า เพื่อต่อสู้กับสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็นความประพฤติ มิชอบของลูกจ้างพนักงาน บรรดาผู้จัดการก็กำลังเริ่มสอดแนมแกะรอยด้วยการใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ประเภทติดตามตรวจสอบ ไอดีซีทำนายว่า อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเภทนี้จะมีอัตราเติบโตทบต้นถึงปีละ 75% ไปจนตลอดถึงปี 2003 บริษัทผลิตซอฟต์แวร์เหล่านี้ ซึ่งเจ้า ที่อยู่ในลำดับต้นๆ ได้แก่ เอลรอน, เซิร์ฟคอนโทรล ของเจเอสบี, และเน็ต พาร์ตเนอร์ส เสนอขายโปรแกรม ซึ่งสามารถบันทึกการใช้คอมพิวเตอร์ของพนักงานทุกคนชนิดทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ที่เข้าไปเยือน หรืออีเมล ที่รับ และส่ง และกระทั่งสิ่ง ซึ่งพนักงานพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดแล้วลบออก บางโปรแกรมยังตามแกะออกมาได้ว่าพิมพ์อะไรไปบ้าง ซอฟต์แวร์บางตัวกระทั่งสามารถส่งสัญญาณ ที่เป็นเสียงเหมือนกระดิ่งไปยังฝ่ายบุคคล เพื่อเตือนให้ทราบว่ามีลูกจ้างพนักงานกำลังหลบเข้าไปเยือนไซต์ลามกอยู่ เวลานี้มีบริษัท ต่างๆ ราว 40% กำลังใช้โปรแกรมประเภทนี้กัน สูงขึ้นมากจากระดับ 17% ในช่วงปลายปี 1998 และไอดีซี พยากรณ์ว่า ภายในเดือนกรกฎาคม 2001 จะมีบริษัทราว 80% ทีเดียว ที่ติดตามตรวจสอบพฤติกรรมทางออนไลน์ของลูกจ้างพนักงาน

บรรยากาศเช่นนี้ทางลูกจ้างพนักงานไม่พอใจแน่ และพวกเขากำลังเริ่มตอบโต้กันแล้ว ด้วยเหตุผล ซึ่งน่ารับฟังทีเดียว ดัง ที่ เชล โฮลซ์ ที่ปรึกษา ซึ่งทำงานอยู่กับ โฮลซ์ คอม มิวนิเคชั่นส์ แอนด์ เทคโนโลยี ในเมืองคองคอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนียชี้ว่า การตรวจสอบพฤติกรรมทางออนไลน์นั้น ก็เหมือนกับวงการบรรษัทอเมริกันกำลังบ้าคลั่งถึงขนาดจะเอกซเรย์กระเป๋าเอกสาร และแอบใช้ ไอน้ำเปิดจดหมายพนักงานนั่นเอง โดยกระทำแบบนี้ทั้ง ที่ระดับประสิทธิภาพการผลิตของสหรัฐฯ กำลังอยู่ในจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยซ้ำ โฮลซ์ตั้งคำถามฉกรรจ์ ต่อวงการบรรษัทอเมริกันแทนลูกจ้างพนักงานทั้งหลายว่า "ถ้าคุณไม่ได้มีเครื่องบ่งชี้อะไรเลยว่า ผลงานของผมกำลังเสียหายย่ำแย่ แล้วทำไมคุณต้องมาตรวจอีเมลของผมด้วย"

โฮลซ์บอกด้วยว่า เวลานี้คนอเมริกันกำลังทำงานหนักขึ้น โดยทำเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 1 เดือนเมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีก่อน ด้วยเหตุนี้เส้นแบ่งระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตด้านอื่นๆ จึงอยู่ในอาการลบเลือนกว่าในอดีต ในเมื่อตอนนี้งานกำลังรุกรานเวลาอยู่กับบ้าน โฮลซ์มองว่าน่าจะเป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว ที่เวลาอยู่กับบ้านก็ควรมารุกรานเวลาทำงานได้นิดๆ หน่อยๆ ด้วย ไม่น่าเลย ที่จะมาติดตามตรวจสอบกันให้จุกจิกกวนใจ "ผมจะ มีความรู้สึกผูกพันกับองค์กรได้อย่างไร ในเมื่อองค์กรดังกล่าวตะโกนใส่หน้าผมว่า "เราไม่ไว้ใจ คุณ" โฮลซ์ปุจฉา

ลูกจ้างพนักงานบางรายเลือกวิธีต่อสู้ตอบโต้ด้วยการเข้ารหัสข้อความในอีเมลของพวกเขา ตลอดจนติดตั้งโปรแกรมเล่นเกม ซึ่งมีปุ่มฉุกเฉิน ที่เวลากดแล้วจะมีสเปรดชีต ปลอมๆ โผล่ออกมาเต็มจอ เอาไว้ให้ใช้ในเวลาผู้บังคับบัญชาเกิดโฉบผ่านมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

บรรยากาศแห่งความไม่แฮปปี้ทำนองนี้ ชวนให้เปรียบเทียบกับตอน ที่วงการบรรษัทอเมริกันเฝ้ามองด้วยความ ระแวงสงสัย ขณะโทรศัพท์ก้าวเข้ามาเมื่อ 100 ปีก่อน และเครื่องแฟกซ์ปรากฏโฉม เมื่อ 15 ปีที่แล้ว พวกผู้บริหารในทั้ง 2 ยุค ต่างกลัวเกรงว่า เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จะทำให้ความลับทางการค้าเกิดการรั่วไหลอย่างขนานใหญ่ และทำให้ประสิทธิภาพการผลิตลดต่ำลง แต่ความ หวั่นเกรงเช่นนี้ไม่ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมาเลย

อันที่จริง ในทุกวันนี้ ซึ่งภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ อยู่ในอาการแทบเต็มล้น และงานกำลังง้อคนยิ่งกว่าคนกำลังง้องาน นายจ้าง ซึ่งใช้นโยบายแบบสุดเฮี้ยบ จึงกำลังเสี่ยง ที่จะสร้างความรู้สึกแปลกแยกกับคนวัยหนุ่มสาว ที่พวกเขาลำบากลำบนดึงเข้ามาทำงานด้วย สำหรับคนในรุ่นเจนเนอเรชั่น "วาย" ที่เคยชินกับการเล่นเว็บมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก อินเทอร์เน็ตไม่ใช่เป็นของโก้เป็นเกียรติยศประดับบารมี หากเป็นสิทธิอัน พึงมีพึงได้ของผู้คนทีเดียว "บุคลากรชนิดโป๊ะเชะ ที่บริษัทต่างๆ ต้องการดึงตัวมาทำงานด้วย ก็คือ คน ซึ่งจะหนีหายไปด้วยนโยบายอินเทอร์เน็ตแบบนี้นั่นเอง" คริส คริสเตียนเสน นักวิเคราะห์ อินเทอร์เน็ตแห่งไอดีซีให้ทัศนะ

บริษัทจำนวนมาก ที่พยายามใช้วิธีปราบปรามรุนแรง กลับพบว่าเกิดผลกระทบในทางลบอย่างมากมาย ตอน ที่กลุ่มมีเดียวัน ยังเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทยูเอส เวสต์ อิงค์ อยู่นั้น บริษัทแม่มักส่งอีเมลมีข้อความข่มขู่คุกคามลูกจ้างพนักงาน ที่ใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ผลก็คือ ขวัญกำลังใจทรุดฮวบ อย่างไรก็ดี ทันที ที่มีเดียวันถูกตัดแยกออกมาเป็นอิสระ พวกผู้บริหารก็หันมาใช้วัฒนธรรม ที่ผ่อนปรนมากขึ้น "เราตัดสินใจให้พวกหัวหน้างาน มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะพวกเขาเป็นผู้ใช้อำนาจบริหารจัดการลูกจ้างพนักงาน และก็ต้องให้ความไว้วางใจลูกจ้างพนักงานในการทำงานของพวกเขา" ดอน จอห์นสัน ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีนิวมีเดียของมีเดียวันอธิบาย

ถ้าหากบริษัทใดคิดว่า เวลานี้การสร้างสมดุลให้ถูกต้องเหมาะสม ระหว่างการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ส่วนตัว และการใช้ ที่เกี่ยว ข้องกับการงาน ยังเป็นเรื่องลำบากยากเย็นแล้ว ก็ขอให้อดใจรออีกสักหน่อย เพราะอนาคตมีแต่จะยุ่งยากซับซ้อน ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นาน อุปกรณ์ไร้สายรุ่นอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ขนาดใส่กระเป๋า ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ จะทำให้ลูกจ้างพนักงานสามารถท่องไปไหนต่อไหนได้สบายแม้ตัวอยู่ห่างจากโต๊ะทำงานไปไกลโพ้น ไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่จะจินตนาการให้เห็นว่า พวก เพื่อนพนักงานจะสรรหาความรื่นรมย์บันเทิงใจให้แก่กัน และกัน ด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือ ที่บริษัทจ่ายให้พวกเขา มาเล่นเพลง วิดีโอ หรือกระทั่งโชว์ลามก แบบเรียลไทม์

"โลกใบนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงยิ่ง และหากไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้งเจ้าเทคโนโลยีไร้สายใหม่ๆ พวกนี้เอาไว้บ้างแล้ว บริษัทต่างๆ ก็จะพบว่าตัวเองต้องมีค่าใช้จ่ายเกินงบ ที่น่าโกรธแค้น จากสิ่งที่พวกเขาคิดว่าจะเป็นของใหม่ ที่จะอำนวยความสะดวกให้มหาศาล" คริสเตียนเสนกล่าวเตือน

(เก็บความจาก บิสซิเนส วีก)

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us