|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
KTC รุกลูกค้า "เถ้าแก่ใหม่" ให้ วงเงินกู้เฉลี่ย 1-4 ล้านบาท หวังปั้นผู้ประกอบการ ขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) สนองนโยบายรัฐ เตรียมเปิดตัวภายในเดือนตุลาคมนี้ ชูจุดขายอนุมัติด่วนทันใจ ขย่มตลาด
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) เปิดเผยว่า ภายในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ เพื่อให้บริการสินเชื่อกับผู้ประกอบการรายใหม่ซึ่งประกอบอาชีพอิสระ โดยมีวงเงินในการ กู้ยืมประมาณ 1-4 ล้านบาท เพื่อนำเงินกู้ที่ได้รับไปต่อยอดธุรกิจ ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะไม่สูงมากนัก และคาดว่าน่าจะสมเหตุสมผล เนื่องจากเป็นเงินกู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
"กระแสที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คนไทยเริ่มทำงานอิสระมากขึ้น ทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ การเข้าทำตลาดนี้น่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้า และที่สำคัญรัฐบาลก็มีนโยบายสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่"
สำหรับหลักเกณฑ์ในการปล่อยกู้ ลูกค้าจะต้องมีรายได้ต่อปีประมาณ 1 ล้านบาท ทำธุรกิจติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 4 ปี โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นฐานลูกค้าเดิมของบริษัท และลูกค้าใหม่บางส่วน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า 9.7 แสนบัตร และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1.3 ล้านบัตรภายในปีนี้ และมีจุดขายเรื่องของการอนุมัติวงเงินที่สะดวกสบาย และไม่มีความซับซ้อนเมื่อเทียบกับ คู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด
นอกจากนี้ ในปลายปี 2547 KTC ยังเตรียมเปิดตัว "อินฟินิส การ์ด" ร่วมกับ VISA เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยบัตรดังกล่าวถือเป็นบัตรที่มีศักยภาพสูงกว่าบัตรแพลททิเนียม และบัตรทองที่เคยมีมาในประเทศ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่ม คนไทยที่มีรายได้สูง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท และคนต่างชาติที่ไม่สามารถถือบัตรอิลิทการ์ด ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น นายนิวัติกล่าวว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพราะในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ประเมินทิศทางตลาดไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยได้มีการออกหุ้นกู้หลายครั้ง ซึ่งทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 3% เท่านั้น ซึ่งทำให้เห็นว่าแม้ดอกเบี้ยปรับขึ้นก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับผลประกอบการ KTC ในไตรมาสสอง ของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 150.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 98.24 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 302.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 149.91 ล้านบาท
นายนิวัตต์ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญาณเตือนภาระหนี้สินภาคครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ธปท.ออกมาส่งสัญญาณเตือน โดย KTC ก็เตรียมพร้อมที่จะปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ หากธปท.มีการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทมีหลักการวิเคราะห์ความเสี่ยง และประเมินความเสี่ยงที่เป็นระบบ ไม่น่าจะมีปัญหาหากธปท.เข้ามาดูแล และออกหลักเกณฑ์ในการปล่อยกู้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลักเกณฑ์ที่ธปท.จะเข้ามาควบคุม น่าจะเป็นการวางกรอบเกี่ยวกับการคิดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า เพราะบางแห่งอัตราดอกเบี้ยสูงมาก เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าสินเชื่อได้รับผลกระทบ ในการถูกเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยที่แพงไม่สมเหตุสมผล
"การส่งสัญญาณเตือน เป็นหน้าที่ของธปท.ที่ต้องดำเนินการในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันการเงิน และการที่ยอดหนี้สินภาคครัวเรือนมากขึ้น นักลงทุนอย่าพึ่งตกใจ เพราะก่อนหน้าหนี้เหล่านี้ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ แต่ยอดที่เพิ่มขึ้นเป็นการนำเข้ามาสู่ในระบบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ในการจัดการกับปัญหาภาระหนี้สินนอกระบบ"
|
|
|
|
|